อัพเดตสถานการณ์ล่าสุด ภารกิจนำร่าง 2 ทหารกล้าออกจากเนิน 350

จากที่ก่อนหน้านี้ กองทัพบก รายงานสถานการณ์การสู้รบประจำวันที่ 11 ระบุว่า ภาพรวมตามแนวชายแดนยังคงมีการปะทะกับฝ่ายกัมพูชาในทุกพื้นที่ โดยสถานการณ์มีทั้งช่วงหนักและเบาสลับกันไป ขณะที่ฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้หลายจุด และได้สถาปนาความมั่นคงในพื้นที่สำคัญ เพื่อป้องกันการตีโต้ตอบจากฝ่ายกัมพูชา

 

พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี บริเวณช่องอานม้าและซำแต รวมถึงจังหวัดสุรินทร์ บริเวณช่องจอม ช่องเปรอ ช่องระยี และปราสาทคนา ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการโจมตีเพื่อช่วงชิงพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยยังคงได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในหลายจุด และสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

 

สำหรับพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างหนักหน่วง คือบริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งถือเป็นยุทธภูมิสำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่เนิน 350 ที่มีการปะทะอย่างรุนแรง ส่งผลให้ทหารฝ่ายไทยพลีชีพเป็นจำนวนมาก และยังมีทหารอีก 2 นายที่ยังไม่สามารถนำร่างออกจากพื้นที่ได้ เนื่องจากสถานการณ์การรบยังคงตึงเครียด ขณะที่ฝ่ายกัมพูชายังคงรุกคืบโจมตีอย่างต่อเนื่อง

 

ในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพา จุดหลักที่ฝ่ายไทยพยายามผลักดันและยับยั้งการรุกล้ำอธิปไตยของฝ่ายกัมพูชามี 3 จุด ได้แก่ บ้านคลองแผง บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ราบและมีชุมชน ทำให้ทั้งสองฝ่ายพยายามควบคุมพื้นที่อย่างเข้มข้น และมีการระดมยิงด้วยอาวุธวิถีโค้ง ทั้งปืนใหญ่และจรวด เพื่อช่วงชิงพื้นที่กันอย่างต่อเนื่อง

รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า พบฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงเข้าใส่พื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่พลเรือนจำนวนหลายร้อยลูก ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักสากล โดยกองทัพบกยืนยันว่าจำเป็นต้องมีการตอบโต้ และพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่อยู่ระหว่างการช่วงชิงอย่างดุเดือด

 

ทั้งนี้ กองทัพบกระบุว่า ในบางพื้นที่สถานการณ์มีทั้งหนักและเบาสลับกัน แต่หากเป็นพื้นที่ที่อยู่ในช่วงการช่วงชิง ยังคงต้องเผชิญกับการสู้รบอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง โดยฝ่ายไทยจำเป็นต้องยับยั้งการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย และเดินหน้าปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ของไทยควบคู่กันไป

นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้ดำเนินการทำลายอาวุธยิงสนับสนุน รวมถึงที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เล็งเป้าโจมตีประชาชนชาวไทย ซึ่งส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินการจนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะสิ้นสภาพทางทหาร เพื่อยุติการคุกคามและลดความสูญเสียต่อประชาชนให้มากที่สุด

 

ขณะเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้เร่งดำเนินการนำร่างทหารกล้า 2 นาย ออกจากพื้นที่ปะทะบริเวณเนิน 350 กลับสู่อ้อมอกครอบครัว โดยระบุว่าสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีความเข้มข้น ทำให้การปฏิบัติภารกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก

เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพภาคที่ 2” ได้โพสต์ขอความร่วมมือไปยังประชาชน ให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนของข้อมูล พร้อมเตือนว่าการเร่งเร้าหรือกดดันการปฏิบัติการทางทหาร อาจนำไปสู่ความสูญเสียที่เพิ่มขึ้นได้