- 22 ธ.ค. 2568
สธ. ยังเฝ้าระวังโรคในศูนย์พักพิงและดูแลสุขภาพจิตต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนรองรับหากสถานการณ์ชายแดนสระแก้วรุนแรงขึ้น
สธ. ยัง เฝ้าระวังโรคในศูนย์พักพิง และดูแลสุขภาพจิตต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนรองรับหากสถานการณ์ชายแดนสระแก้วรุนแรงขึ้น โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผย ยังเฝ้าระวังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์รองรับหากสถานการณ์ด้าน จ.สระแก้ว รุนแรงขึ้น
ภาพรวมสถานพยาบาลใน 7 จังหวัดชายแดน กลับมาให้บริการได้บางส่วน คงเหลือปิดบริการชั่วคราว 10 แห่ง เร่งทำทะเบียนเด็กที่ไม่มีประวัติหรือไม่มีหลักฐานการได้รับวัคซีนเพื่อให้ได้รับวัคซีนครบถ้วน พร้อมติดตามสุขภาพจิตประชาชน บุคลากรที่มีความเสี่ยง ตลอดจนครอบครัวและญาติทหารที่สละชีพอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (22 ธันวาคม 2568) นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย - กัมพูชา โดยมี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ร่วมด้วย นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า กระทรวงสาธารณสุขยังเฝ้าระวังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ใน 7 จังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยจังหวัดสระแก้วมีการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นแล้ว สำหรับภาพรวมโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงกลับมาเปิดให้บริการได้บางส่วน คงเหลือปิดบริการ 10 แห่ง ได้แก่ รพ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี, รพ.กันทรลักษ์ รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ, รพ.กาบเชิง รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติฯ จ.สุรินทร์, รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์, รพ.ตาพระยา รพ.โคกสูง รพ.คลองหาด และ รพ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่วน รพ.สต. ยังปิด 180 แห่ง
นพ.เอกชัย กล่าวต่อว่า สำหรับศูนย์พักพิงลดลงเหลือ 848 จุด มีผู้เข้าพักรวม 167,395 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 52,549 คน ยังต้องเน้นเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและปรับปรุงอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินอาหารที่มีปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากอาหารที่เตรียมไว้เป็นเวลานานและไม่ได้อุ่นร้อน รวมทั้งน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคบางแห่งมีการปนเปื้อน นอกจากนี้ ยังเร่งสำรวจเด็กอายุ 9 เดือน - ต่ำกว่า 5 ปี ในศูนย์พักพิง เพื่อทำทะเบียนเด็กที่ไม่มีประวัติหรือไม่มีหลักฐานการได้รับวัคซีน และจัดให้ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงและครอบคลุม ในส่วนการดูแลด้านสุขภาพจิต มีการคัดกรองเชิงรุกต่อเนื่องในประชาชน 204,058 ราย พบเครียดสูงสะสม 1,494 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 286 ราย บุคลากรทางการแพทย์ 10,517 ราย พบเครียดสูงสะสม 595 ราย เสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 184 ราย ทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจ และมีการติดตามผู้ที่มีความเครียดสูงและเสี่ยงทำร้ายตัวเองจนกว่าอาการจะดีขึ้นเป็นปกติ รวมทั้งมีการติดตามดูแลสุขภาพจิตครอบครัวและญาติของทหารที่สละชีพทุกรายอย่างใกล้ชิด






