- 23 ธ.ค. 2568
หมอเปิดข้อมูล ก้มเล่นมือถือท่าไหน เหมือนแบกข้าวสาร 27 กก. ทำกระดูกคอเสื่อมเร็วกว่าปกติ แนะปรับท่าทางให้ถูกต้อง
วันที่ 21 ธ.ค. 68 ทางด้าน ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง) ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ เจ้าของเพจ หมอเก่งกระดูกและข้อ ระบุว่า "ก้มหน้าเล่นมือถือนานๆ = แบกข้าวสาร 27 กิโลฯ ไว้บนคอ! รู้จัก "Text Neck" สาเหตุที่ทำให้คอเสื่อมเร็วกว่าปกติถึง 6 เท่า"
"หมอครับ ผมอายุแค่ 30 ทำไมกระดูกคอเริ่มเสื่อมเหมือนคนอายุ 50 แล้ว?" นี่คือคำถามที่หมอได้ยินบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในยุคปัจจุบันครับ สมัยก่อนโรคกระดูกคอเสื่อมเป็นโรคของผู้สูงอายุ แต่เดี๋ยวนี้เราเจอในวัยรุ่นและวัยทำงานเยอะมาก จำเลยสำคัญไม่ใช่ใครที่ไหนครับ... คือเจ้า "สมาร์ทโฟน" ในมือเรานี่แหละครับ แต่มันไม่ได้ผิดที่โทรศัพท์นะครับ มันผิดที่ "องศาการก้ม" ของเราต่างหาก
วันนี้หมอเก่งจะพามาไขความลับทางฟิสิกส์ ที่จะทำให้คุณรีบเงยหน้าขึ้นจากจอทันทีที่อ่านจบครับ! ความจริงที่น่าตกใจ : ยิ่งก้มเยอะ = คอยิ่งรับกรรมหนัก ศีรษะของมนุษย์เรา มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 5 กิโลกรัม (ประมาณลูกโบว์ลิ่งลูกหนึ่ง) ในขณะที่เราหน้ามองตรง (0 องศา) กระดูกคอจะรับน้ำหนักแค่ 5 กิโลกรัมนี้ครับ ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ธรรมชาติออกแบบมาให้เรารับไหว
แต่เมื่อไหร่ที่เรา "ก้มหน้า" แรงโน้มถ่วงและหลักการคานงัด จะทำให้น้ำหนักที่กดลงบนกระดูกคอเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ตามงานวิจัยดังนี้ครับ :
- ก้ม 15 องศา : น้ำหนักเพิ่มเป็น 12 กิโลกรัม
- ก้ม 30 องศา : น้ำหนักเพิ่มเป็น 18 กิโลกรัม
- ก้ม 45 องศา : น้ำหนักเพิ่มเป็น 22 กิโลกรัม
- ก้ม 60 องศา (ท่าปกติเวลาเล่นมือถือ) : น้ำหนักพุ่งปรี๊ดไปถึง 27 กิโลกรัม!!
27 กิโลกรัม หนักแค่ไหน? ลองจินตนาการว่า คุณกำลังขี่คอเด็ก 8 ขวบ หรือแบกกระสอบข้าวสารลูกใหญ่ๆ ไว้บนคอตลอดเวลาที่คุณไถฟีด Facebook... นั่นแหละครับคือสิ่งที่กระดูกคอคุณกำลังเผชิญ! สรุปง่ายๆ คือ การก้มหน้าเล่นมือถือ ทำให้คอต้องทำงานหนักกว่าปกติถึง 5-6 เท่าครับ! ผลลัพธ์ : เมื่อคอแบกโลกไว้นานเกินไป
เมื่อกระดูกคอต้องรับแรงกดทับมหาศาลวันละหลายชั่วโมง ติดต่อกันเป็นปีๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือภาวะที่เรียกว่า "Text Neck Syndrome" ครับ
1. กล้ามเนื้อล้าเรื้อรัง : กล้ามเนื้อคอบ่าไหล่ต้องเกร็งตัวตลอดเวลาเพื่อดึงหัวไว้ไม่ให้ตก กลายเป็นพังผืด ปวดตึง ร้าวขึ้นหัว (Tension Headache)
2. หมอนรองกระดูก "แบนแต๊ดแต๋" : หมอนรองกระดูกเปรียบเหมือนโช้คอัพ เมื่อโดนกดทับแรงๆ นานๆ น้ำในหมอนจะแห้งเหือด หมอนจะทรุดตัว แบนลง และเสื่อมเร็วกว่าวัยอันควร
3. กระดูกงอกทับเส้นประสาท: ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมความไม่มั่นคง ด้วยการสร้างหินปูน (กระดูกงอก) ขึ้นมา ซึ่งเจ้าหินปูนนี้แหละครับ ที่มักจะยื่นไปทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการชาร้าวลงแขน
ทางแก้ : ต้องเลิกเล่นมือถือเลยไหม?
ไม่ต้องถึงขนาดนั้นครับ หมอเข้าใจว่ามือถือคือปัจจัยที่ 5 ของชีวิต
เราแค่ต้องปรับ "ท่าทาง" ให้ถูกต้อง เพื่อลดภาระของคอครับ
1. ยกมือถือขึ้นมาเสมอตา (Eye Level) :
แทนที่จะก้มคอลงไปหาจอ ให้ยกมือถือขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตาแทน อาจจะเมื่อยแขนหน่อย แต่ปลอดภัยต่อคอกว่าเยอะครับ (เมื่อยแขนพักแป๊บเดียวหาย แต่คอเสื่อมแล้วกู้คืนยากครับ)
2. กฎ 20-20-20 :
จ้องจอ 20 นาที ให้พักสายตาและเงยหน้ามองไกลๆ 20 ฟุต นาน 20 วินาที เพื่อรีเซ็ตกล้ามเนื้อคอ
3. บริหารคอด้วยท่า "เก็บคาง" (Chin Tuck) :
นั่งตัวตรง ดันคางไปด้านหลัง (ทำคอเป็นชั้นๆ) ค้างไว้ 5 วินาที ทำบ่อยๆ ท่านี้จะช่วยจัดกระดูกคอให้กลับมาอยู่ในแนวตรงตามธรรมชาติครับ
สรุปจากหมอ :
อย่าปล่อยให้ความเพลิดเพลินบนหน้าจอ มาขโมยสุขภาพคอของคุณไปก่อนวัยอันควรนะครับ คอของคุณมีอันเดียว เปลี่ยนไม่ได้เหมือนหน้าจอมือถือ เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้... "เงยหน้าขึ้น ยกมือถือให้สูง" แค่เปลี่ยนองศา ชีวิต(และกระดูกคอ)ก็เปลี่ยนแล้วครับ! บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์






