- 24 ธ.ค. 2568
สะเทือนใจคำสั่งเสียทหารกล้า ส.อ.กัมปนาท ทองแสง โทรหาครอบครัวก่อนเหตุปะทะ พลีชีพปกป้องอธิปไตยชาติ กลายเป็นความทรงจำสุดท้ายที่ครอบครัวไม่มีวันลืม
จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 มีทหารไทยพลีชีพเพิ่มเป็นรายที่ 22 โดยผู้เสียชีวิตคือ ส.อ.กัมปนาท ทองแสง หรือ “หมู่นนท์” สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 พัน.1 รอ.) เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ บริเวณสมรภูมิบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
รายงานระบุว่า ขณะเกิดเหตุหมู่นนท์ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลขับรถยานเกราะ ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบที่มีความรุนแรงและคับขัน แม้จะสามารถหลบหนีเอาตัวรอดได้ แต่เจ้าตัวตัดสินใจกระโดดลงจากรถเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง เพื่อช่วยเหลือทหารรุ่นน้อง โดยตะโกนสั่งการให้ทุกนายขึ้นรถและเข้าที่กำบังโดยเร็ว พร้อมกล่าวว่า
“ขึ้นรถให้หมด เข้าที่กำบังเร็ว”
หมู่นนท์ช่วยพาทหารรุ่นน้องขึ้นรถทีละนายจนปลอดภัยครบทุกคน ก่อนจะก้าวขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายตามที่ตั้งใจไว้ อย่างไรก็ตาม ในจังหวะดังกล่าวได้เกิดเหตุจรวด BM-21 ตกใกล้ตัวรถ สะเก็ดระเบิดพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาอย่างรุนแรง แม้เพื่อนทหารจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่บาดแผลสาหัสทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ด้าน นางณัชชา โคตะรุจ อายุ 58 ปี ป้าของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ทราบข่าวเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. หลังได้รับโทรศัพท์จากผู้บังคับบัญชาของหลานชาย แจ้งว่าได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบและขอเบอร์ติดต่อมารดา ซึ่งทำงานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ต่อมาไม่นานมารดาของหมู่นนท์ได้โทรศัพท์กลับมาแจ้งข่าวร้ายว่า หลานชายเสียชีวิตแล้ว และกำลังเดินทางมารับศพ
นางณัชชากล่าวว่า ครอบครัวจะนำร่างของหมู่นนท์มาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดในพื้นที่ โดยตนพบหลานชายครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ซึ่งหมู่นนท์ขี่รถจักรยานยนต์มาจากอำเภออรัญประเทศ และบอกกับตนว่าอยากดูแลครอบครัว ไม่อยากให้ลำบาก เพราะรักและภูมิใจในอาชีพทหาร
สำหรับประวัติของ ส.อ.กัมปนาท ทองแสง อายุ 28 ปี เกิดที่บ้านหนองไฮ ตำบลห้วยไร่ อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ จับได้ใบแดงและเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ก่อนย้ายมาอาศัยอยู่กับแม่และป้าที่บ้านหนองหญ้าฆ่านก ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ และสอบเข้ารับราชการทหารในสังกัดกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ปัจจุบันเป็นบุตรคนเดียว ยังไม่มีครอบครัว
ป้าของผู้เสียชีวิตยังเล่าว่า ได้พูดคุยกับหมู่นนท์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งหลานชายพูดเชิงฝากฝังว่า หากมีใครโทรมาแจ้งข่าวขออย่าตกใจ ต่อมาเมื่อทราบข่าวการเสียชีวิต ตนถึงกับช็อกและเป็นลมด้วยความเสียใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกภาคภูมิใจที่หลานชายได้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติอย่างสมศักดิ์ศรี
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุประมาณหนึ่งสัปดาห์ หมู่นนท์ยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับมารดา และสั่งเสียเกี่ยวกับทรัพย์สินและสิ่งของส่วนตัวไว้ล่วงหน้า โดยนางณัชชากล่าวทิ้งท้ายว่า ในฐานะครอบครัว ขอส่งกำลังใจให้ทหารทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยต่อไป






