เรียกคืนเครื่องราชฯ 6 อดีตตำรวจ ผิดวินัย ประพฤติชั่วร้ายแรง

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อดีตข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๖ ราย หลังถูกคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ โดยมี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

 

 

 

ราชกิจจานุเบกษา ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๘ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่อดีตข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๖ ราย ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา เนื่องจากเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ โดยคำสั่งอันถึงที่สุด ตามข้อ ๖ และข้อ ๗ (๒) และ (๔) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังนี้

๑. นายธนาธาร หรือวิโรจน์ หรือจงกฤษณ์ อ่ำสกุล ขณะดำรงขั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ ๑ กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรได้ กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๗๙ (๑) (๔) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเหรียญทองช้างเผือก และเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ ๒ ประเภทที่ ๒
 

๒. นายปฏิภาณ สมะพันธุ ขณะดำรงขั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ (ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม) สถานีตำรวจนครบาลบุปผาราม กองบังคับการตำรวจนครบาล ๘ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๗๙ (๔) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญทองช้างเผือก

๓. นายปฐวีกานต์ คงทองอ่อน ขณะดำรงขั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลธรรมศาลา กองบังคับการตำรวจนครบาล ๗ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือโดยมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ตามมาตรา ๗๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเหรียญทองช้างเผือก

๔. นายพิเชษฐ์ สุวรรณภูมิ ขณะดำรงขั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ ๑ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรได้ ตามมาตรา ๗๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์ช้างเผือก เหรียญทองช้างเผือก และเหรียญจักรมาลา

๕. นายไพบูลย์ บัวนุภาพ ขณะดำรงขั้นยศดาบตำรวจ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ (เวรบริการ) (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลหนองค้างพลู กองบังคับการตำรวจนครบาล ๙ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกเลย ตามมาตรา ๗๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญทองช้างเผือก

๖. นางสาวสุภาพร หรือฐิติชญาณ์ รุนพงษ์ หรือพัณพิชญนันท์ หรือไชยราช ขณะดำรงขั้นยศดาบตำรวจหญิง ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ งานธุรการ กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือโดยมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ตามมาตรา ๗๙ (๒) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเหรียญทองช้างเผือก

ทั้งนี้ บุคคลทั้ง ๖ ราย เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว
ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อนุทิน ชาญวีรกูล