- 30 ธ.ค. 2568
เป็นใครก็ไม่ไว้ใจ กองทัพภาคที่ 2 เผยสิ่งทหารเขมรทำล่าสุด หลังผ่านไปแค่ 3 วัน นับจากหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา
กองทัพภาคที่ 2 เผยสถานการณ์ความมั่นคงแนวชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด ภาพรวมยังไม่พบการปะทะด้วยอาวุธหนัก แต่ตรวจพบความเคลื่อนไหวทางทหารของฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขนส่งกำลังบำรุงและการใช้อากาศยานไร้คนขับจำนวนมาก พร้อมรายงานเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าสถานการณ์โดยรวมยังอยู่ในภาวะหลังการหยุดยิง แม้กิจกรรมการรบจะลดลง แต่ยังคงพบการเคลื่อนไหวทางทหารในหลายพื้นที่
ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี บริเวณช่องบก ตรวจพบรถบรรทุกของฝ่ายตรงข้ามประมาณ 30 คัน เคลื่อนย้ายจากบ้านจาร์ไปยังบ้านโกนปรัมเบย คาดว่าเป็นการส่งกำลังบำรุงและอุปกรณ์เข้าสู่พื้นที่แนวหน้า ขณะที่บริเวณช่องอานม้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ
ด้านชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ หลายจุดแนวชายแดน อาทิ ช่องซำแต โดนตวล ภูผี สัตตะโสม พนมประสิทธิโส และช่องตาเฒ่า ตรวจพบการเคลื่อนย้ายกำลังบำรุงโดยใช้รถบรรทุกประมาณ 30 คันเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ระหว่างการปฏิบัติภารกิจเคลียร์พื้นที่บริเวณสัตตะโสม ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิด ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 1 นาย
ส่วนพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ผามออีแดง และห้วยตามาเรีย ตรวจพบรถบรรทุกเคลื่อนย้ายจากบ้านโกมุยไปยังปากช่องคานม้า ขณะที่พื้นที่ภูมะเขือ ช่องโดนเอาว์ พลาญยาว และพลาญหินแปดก้อน ตรวจพบโดรนประมาณ 10 ลำ บินจากบริเวณหลังเนิน 281 มุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ภูมะเขือ ที่ความสูงราว 1,000 เมตร คาดว่าเป็นการตรวจการณ์แนววางกำลังของฝ่ายไทย
ด้านชายแดนจังหวัดสุรินทร์ พื้นที่ช่องจอม ช่องเปรอ และช่องระยี ยังไม่พบความเคลื่อนไหวสำคัญ แต่บริเวณปราสาทคนา ตรวจพบทหารกัมพูชาออกลาดตระเวน ขณะที่พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ตรวจพบโดรนจำนวนมากถึงประมาณ 31 ลำ บินเข้ามาในพื้นที่การรบและหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง ส่วนชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ บริเวณช่องสายตะกู ตรวจพบโดรนราว 50 ลำ บินจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศเหนือ
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ตลอดทั้งวันไม่พบการปะทะด้วยอาวุธหนัก สถานการณ์โดยรวมยังอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายไทย อย่างไรก็ตาม การใช้อากาศยานไร้คนขับจำนวนมากของฝ่ายกัมพูชา และเหตุการณ์เหยียบทุ่นระเบิด สะท้อนว่ายังมีภัยคุกคามในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง






