นักกีฬาไทยสร้างสถิติ นักกีฬาทีมชาติที่อายุเยอะสุดที่คว้าเหรียญรางวัล

นักกีฬาไทยสร้างสถิติ เป็นนักกีฬาที่อายุเยอะที่สุดของทีมชาติที่คว้าเหรียญรางวัลได้ในเอเชียนเกมส์ 2023 ที่ประเทศจีน

นักกีฬาไทยสร้างสถิติ นักกีฬาทีมชาติที่อายุเยอะสุดที่คว้าเหรียญรางวัล : จบลงเรียบร้อยแล้วกับการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่ปีนี้ หางโจว ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ กับมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ 2022 (จีนขอเลื่อนจัดจากปี 2022 มาเป็น 2023) ซึ่งทีมชาติไทยจบผลงานทัวร์นาเมนต์นี้ที่อันดับ 8 มี 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน และ 32 เหรียญทองแดง รวมทั้งสิ้น 58 เหรียญรางวัล

 

นักกีฬาไทยสร้างสถิติ นักกีฬาทีมชาติที่อายุเยอะสุดที่คว้าเหรียญรางวัล

ที่น่าสนใจในครั้งนี้คือ นักกีฬาบริดจ์ ทีมผสม รอบรองชนะเลิศ ทีมไทย ที่ประกอบด้วย กิรวัฒน์ ลิ้มสินโสภณ , ภาวิณี สิทธิเจริญสวัสดิ์ , วรรณา อมรเมศวรินทร์ และ พันธ์จรูญ จริยานันทเนตร ต้านไม่ไหว พ่าย ไต้หวัน ไป 168-248.1 คะแนน แต่นั่นก็ทำให้ทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองแดงไปครอง พร้อมกับได้สร้างสถิติใหม่ 

 


เพราะนักกีฬาที่ชื่อ พันธ์จรูญ จริยานันทเนตร ที่มาแข่งเอเชียนเกมส์ครั้งนี้มีอายุ 76 ปี ทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาที่อายุเยอะที่สุดของทีมชาติไทย ที่คว้าเหรียญรางวัล ในมหกรรมกีฬา เอเชียน เกมส์ ได้ด้วยวัย 76 ปี 1 เดือน 7 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นสถิติของ คุณหญิงชดช้อย โสภณพณิช ด้วยผลงานคว้าเหรียญเงิน จากกีฬาบริดจ์ เอเชียนเกมส์ ปี 2018 ด้วยวัย 74 ปี 7 เดือน 25 วัน

 


พร้อมกันนี้ พันธ์จรูญ จริยานันทเนตร ยังบอกอีกว่า ความฝันคงเป็นไม่มีวันหมดอายุ ที่แน่ๆ ตนคนหนึ่งไม่กล้าฝัน ที่จะติดทีมชาติไปแข่ง เอเชียนเกมส์ ในวัย 76 ปี แน่นอน ซึ่งในวงการฟุตบอล มีมีคำกล่าวที่ว่า ถ้าคุณเจ๋งพอ คุณก็แก่พอ แต่สำหรับ พันธ์จรูญ จริยานันทเนตร แล้ว คงเป็นคำกล่าวที่ว่า ถ้าคุณเจ๋งพอ คุณก็หนุ่มพอ 

 


"ผมชอบเล่น บริดจ์ เล่นมากว่า 40 ปีแล้ว และผมต้องการที่จะเล่นมันทุกวัน" นักกีฬาไทยดีกรีเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ระบุ 

 

ภาพจาก ฉลามหนุ่มไทยแลนด์

สำหรับ กีฬาบริดจ์ (Bridge) กีฬาที่ใช้ไพ่เป็นอุปกรณ์ในการเล่น กีฬาชนิดนี้มีกฎและกติกาเฉพาะตัวเหมือนกับกีฬาอื่นๆ ซึ่งการเล่นบริดจ์ใน 1 เกมจะใช้ผู้เล่นทั้งหมด 4 คน โดยจะแบ่งเป็นทีมละ 2 คนแข่งขันกัน ไพ่ 1 สำรับมีทั้งหมด 52 ใบ แต่ละคนจะได้ไพ่ไปคนละ 13 ใบ เราและเพื่อนของเรา (Partner) จะต้องใช้ไพ่ในมือกินไพ่ของคู่ต่อสู้ให้ได้มากที่สุด โดยแต่ละรอบของการเล่นจะแบ่งออกเป็น 13 ตา ตามจำนวนไพ่ ซึ่งในแต่ละตาทุกคนก็ลงไพ่แล้วดูว่าใครที่มีไพ่แต้มเยอะที่สุดเรียงตั้งแต่ A K Q J 10 ไปจนถึง 2 ซึ่งเมื่อลงไพ่ครบ 13 ตา ก็ถือเป็นการจบเกม 1 รอบ

 


การเล่นบริดจ์นั้นจะมีการแบ่งการเล่นออกเป็น ประเภทคู่ และประเภททีม โดยจะแข่งกันจบเป็นรอบๆ แล้วก็จะนำผลลัพธ์หลังการแข่งในรอบนั้นๆ เพื่อนำมาคิดคะแนนต่อไป ในแต่ละรอบของกีฬาบริดจ์ จะแบ่งทั้ง 2 ทีมออกเป็น 2 ฝ่ายคือฝ่ายที่เป็นคนเดินไพ่ และฝ่ายที่ป้องกัน ซึ่งในการเล่นจะแบ่งช่วงการเล่นออกเป็น 2 ช่วงคือ

นักกีฬาไทยสร้างสถิติ นักกีฬาทีมชาติที่อายุเยอะสุดที่คว้าเหรียญรางวัล

 

1. ช่วงประมูล
เป็นช่วงที่แต่ละฝ่ายแย่งกันเพื่อที่จะเป็นคนเดินไพ่ โดยจะเป็นการสัญญาว่าจะเดินไพ่ให้ได้ตามที่กำหนด ซึ่งถ้าทำได้ฝ่ายที่เดินไพ่ก็จะได้คะแนนไป หรือถ้าสัญญาแล้วทำไม่ได้ฝ่ายที่ป้องกันก็จะได้คะแนนไปแทน


2. ช่วงการเดินไพ่
เป็นช่วงที่ต้องเดินไพ่ โดยฝ่ายที่เป็นคนเล่น จะต้องเดินไพ่ให้ได้ตามที่ตัวเองประมูลไว้ ส่วนฝ่ายป้องกันก็ต้องทำทุกทางเพื่อที่จะให้ฝ่ายที่เดินไพ่ไม่สามารถทำตามที่ตัวเองสัญญาไว้ได้

 


หลักของการประมูลไพ่จะดูที่แต้มในมือเป็นหลักโดยที่
ไพ่ A = 4 คะแนน
ไพ่ K = 3 คะแนน
ไพ่ Q = 2 คะแนน
ไพ่ J = 1 คะแนน

 


ซึ่งยิ่งแต้มเยอะก็จะสามารถประมูลไพ่ไปในระดับที่สูงขึ้นได้ ทั้งนี้กีฬาบริดจ์เป็นกีฬาที่มีการจัดการแข่งขันกันทั่วโลก และในประเทศไทยก็มีการจัดแข่งขันในระดับกีฬามหาวิทยาลัย และกีฬารัฐวิสาหกิจด้วยเช่นกัน ถือเป็นกีฬาที่ช่วยสร้างสมาธิ สร้างกระบวนการความคิด และที่สำคัญช่วยฝึกทักษะในการจำอีกด้วย 
 

นักกีฬาไทยสร้างสถิติ นักกีฬาทีมชาติที่อายุเยอะสุดที่คว้าเหรียญรางวัล