ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ www.tnews.co.th

วาจาสิทธิ์หลวงปู่สุข สั่งสอนโจร..ริอาจมาขโมยของในงานวัด!!

ฤทธิ์อภิญญาหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง พระเถราจารย์ผู้มีตบะบารมีแก่กล้า

กิตติคุณความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สุข สมภารแห่งวัดโพธิ์ทรายทอง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นที่เลื่องลือไปไกล ยิ่งในช่วงปัจฉิมวัยของหลวงปู่ กล่าวกันว่า “ลานวัดโพธิ์ทรายทอง ไม่เคยว่างเว้นจากผู้คน” นี้ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงบุญบารมีของหลวงปู่สุขที่ท่านได้อบรมสั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติและปัจจุบันสมัย เริ่มแต่หันหน้าเข้าสู่ร่มเงาแห่งพระศาสนา อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ปรากฏนามฉายา ว่า “ธัมมะโชโต ซึ่งแปลได้ใจความว่า ผู้เจริญรุ่งเรืองโชติช่วงในธรรม“ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่หลวงปู่สุข ยังดำรงธาตุขันธ์อยู่ เวลาที่วัดโพธิ์ทรายทอง มีงานบุญ ลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนมากมายจากทั่วสารทิศต่างพากันเดินทางมาร่วมงานบุญที่วัด และก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ถนัดและมีความสามารถในด้านต่างๆ ปวารณาตนช่วยกิจการงานวัดในการบุญแต่ละครั้ง เพราะด้วยความศรัทธาในบุญบารมีของหลวงปู่สุข สมภารผู้มีตบะบารมีแก่กล้าแห่งวัดโพธิ์ทรายทอง กล่าวถึงกลุ่มแม่ครัวจากต่างถิ่นกลุ่มหนึ่ง เมื่อทราบข่าวว่าที่วัดหลวงปู่มีงานบุญ ก็รวมตัวกันนำข้าวปลาอาหาร เดินทางมาช่วยงานหลวงปู่ที่วัด ด้วยการเป็นแม่ครัวทำอาหารเลี้ยงแขกในงาน

วาจาสิทธิ์.."หลวงปู่สุข" สั่งสอนโจรขโมยกระเป๋าเงินในวัด ด้วยความเมตตา เพียงแค่!! ให้เดินวนอยู่ในวัด.. เกือบสว่าง เข็ดไปนาน.

เช่าพระคลิ๊กที่นี่
เช่าพระที่นี่


 

พอตกเย็นเมื่อถึงเวลาอาบน้ำ คณะแม่ครัวกลุ่มนี้ ก็พากันเก็บสิ่งของสัมภาระ กระเป๋าสตางค์และเครื่องใช้สอยต่างๆ กองไว้ร่วมกัน แล้วก็พากันเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เวลาผ่านไปนานพอสมควร เมื่อคณะแม่ครัวพากันอาบน้ำเสร็จ แล้วกลับมาดูที่เก็บของ ที่พวกตนได้เก็บไว้ แต่ปรากฏว่า (กระเป๋าสตางค์และของมีค่าของทุกคนได้อันตรธานหายไป !!!)

ข่าวโจรขโมยกระเป่าสตางค์ของคณะแม่ครัวกลุ่ม ได้ยินไปเข้าหูทางคณะกรรมการและผู้ใหญ่บ้าน ทางคณะกรรมการจึงได้พาคณะแม่ครัวเข้าไปกราบเรียนเรื่องราวให้หลวงปู่สุขทราบ (แม่ครัวบางคนก็ถึงกับร้องห่ม ! ร้องไห้! ด้วยทรัพย์สินของตนที่สูญหายไป ถ้านับรวมสร้อยคอทองคำและเงินสด ก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย!! )

พอเข้าไปกราบหลวงปู่สุข และเล่าเรื่องให้ท่านทราบ หลวงปู่ท่านก็เอ่ยปากบอกว่า (ของมันไม่หายไปไหนหรอก มันยังอยู่ในวัดนี้แหละ!! อย่าร้องไห้ไปเลย )

แล้วหลวงปู่ท่านก็ให้พวกโยมแม่ครัวนำทางท่านไปชี้ที่วางกระเป๋าสตางค์

แล้วหลวงปู่สุขก็เอาฝามือตบลงพื้นอย่างสุดแรง!! ปากก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังว่า (กระเป่ามันไม่ไปไหน ใครเอาไป มันต้องเอามาคืน !! )

วาจาสิทธิ์.."หลวงปู่สุข" สั่งสอนโจรขโมยกระเป๋าเงินในวัด ด้วยความเมตตา เพียงแค่!! ให้เดินวนอยู่ในวัด.. เกือบสว่าง เข็ดไปนาน.

 

 

 

พอเช้าวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่ามีชาวบ้านต่างถิ่น มาอยู่ใต้กุฏิของหลวงปู่สุข นั่งกอดกระเป่า ปากก็เอาแต่ร้องว่า ( เข็ดแล้วๆ ไม่เอาแล้ว! ผมกลัวแล้ว! ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ ) ชาวบ้านต่างก็พากันมามุงดูหน้า คณะกลุ่มแม่ครัวที่กระเป๋าหาย เมื่อได้ยินข่าวก็รีบพากันมาดู เมื่อเห็นกระเป๋าในมือของหัวขโมย ก็จำได้ทันทีว่านั้น คือกระเป่าของตน

ฝ่ายไอ้หัวขโมย ก็ยังไม่หยุดบ่นเพ่อ เหมือนคนเสียสติเป็นบ้า จนหลวงปู่สุขท่านลงมาดูแล้วเอาน้ำมนต์พรมให้ถึงได้สติ กลับคืน แล้วโจรนั้นก็ก้มลงกราบขอขมาหลวงปู่ และขอขมาเจ้าทรัพย์ หลวงปู่ท่านก็สั่งสอน ว่า (ต่อไปนี้อย่าได้คิดทำอีก ทรัพย์สินของใครๆเขาก็ห่วงแหน ) ชาวบ้านที่มามุงดู และทางคณะกรรมการต่างก็อยากให้แจ้งตำรวจ แต่ด้วยเมตตาธรรมของหลวงปู่ท่านจึงไม่ให้แจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด และท่านคงเห็นว่า (ไอโจรคนนี้ คงจะเข็ดหลาบไปจนตายแล้วกระมัง)

ส่วนไอ้โจรขโมย เล่าว่า เมื่อเขาขโมยเอากระเป๋าไปแล้ว พอเดินออกจากวัด ปรากฏว่าเป็นป่าทึบ เดินไปทางไหนก็วนกลับมาที่เดิม หาทางออกไม่เจอ!! ตนเดินอยู่หลายรอบจนเกือบสว่าง จึงปรากฏมีพระแก่ๆรูปหนึ่งมาบอกว่า ( ให้เอาของไปคืนเจ้าของเขาเสีย!!) แล้วพระรูปนั้นก็เดินหายไป

วาจาสิทธิ์.."หลวงปู่สุข" สั่งสอนโจรขโมยกระเป๋าเงินในวัด ด้วยความเมตตา เพียงแค่!! ให้เดินวนอยู่ในวัด.. เกือบสว่าง เข็ดไปนาน.

วาจาสิทธิ์.."หลวงปู่สุข" สั่งสอนโจรขโมยกระเป๋าเงินในวัด ด้วยความเมตตา เพียงแค่!! ให้เดินวนอยู่ในวัด.. เกือบสว่าง เข็ดไปนาน.

ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูล ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม