ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th

ประวัติ พ่อพัฒน์ โต๊ะทอง (สายเหนียวเมืองปากน้ำ)

พ่อพัฒน์ โต๊ะทอง เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๐ปีกุน เป็นบุตรคุณปู่เปรื่อง คุณย่าทองอยู่ โต๊ะทอง ณ อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพี่น้องร่วมท้องเดี่ยวกัน ๙ คน พ่อพัฒน์เป็นบุตรคนที่ ๙ เป็นคนสุดท้อง ซึ่งอยู่ในครอบครัวหมอยาแผนโบราณ เมื่ออายุได้เข้าเกณฑ์ ๗ ปี ได้เข้ารับการศึกษา จนจบชั้นประถม ปีที่ ๔

หลังจากได้จบการศึกษาแล้วนั้นท่านมีความสนใจ ในการรักษาต่างๆ ของปู่เปรื่องเป็นอย่างมาก เลยได้ทำการขอ ปู่เปรื่องร่ำเรียนในขณะนั้นพ่อพัฒน์ ได้มีอายุ ๑๑ ปี ปู่เปรื่องท่านยังไม่ได้สอนให้ เนื่องจากอายุยังน้อย และจะลองดูว่าพ่อพัฒน์จะสนใจจริงๆหรือไม่ แต่ได้พาพ่อพัฒน์ ไปบวชสามเณร ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่ในเขตใก้ลบ้านท่าน จวบจนเวลาผ่านมาอีก ๒ปี พ่อพัฒน์ ได้สิกขาลาเพศจากสามเณร ก็ยังมีความสนในที่จะขอเรียนตำรายาจากปู่เปรื่องอีก ปู่เปรื่องท่านจึงตัดสินใจให้ พ่อพัฒน์ รับสืบทอดให้เป็นหมอยา ตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี

พ่อพัฒน์ท่านมีความขยันหมั่นเพียร ที่จะจดจำ ตำรับตำรา และวิธีการต่างๆในการรักษา ถึงจะเป็นเกล็ดเล็กน้อย ท่านก็จะถามปู่เปรื่องตลอด จนชำนิชำนาน ในการรักษา เป็นอย่างดี จวบจนอายุครบ๒๑ ปี ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารเพื่อรับใช้ชาติ อยู่ในสกัด ทหารม้ารักษาพระองค์ ในปีที่ ๒ พ่อพัฒน์ได้รับให้เป็นครูฝึกทหารใหม่ จนปลดประจำการ หลังจากปลดประจำการมาแล้ว พ่อพัฒน์ได้เดินทางมาหางานทำในเขต จังหวัดสมุทรปราการ เป็นระยะเวลา๘ ปี ด้วยอุปนิสัยเป็นคนอารมร้อน เกกมะเหรก เกเร ส่ำมะเลเทเมา ตีลั่นฟันแทงไปทั่ว ค่ำไหนนอนนั้น ตามฟุตบาทข้างทางก็นอน เลยทำให้ท่านมีเพื่อนฝูง เป็นจำนวนมาก ใครจะมาละรานท่านและเพื่อนๆไม่ได้ เพราะเป็นคนรักเพื่อนมาก

จนมาวันหนึ่งมีคู่อริมาหาเรื่องท่านและเพื่อน ช่วงที่กำลังชุลมุนอยู่นั้นท่านเหลือบไปเห็นว่าเพื่อนกำลังจะโดนฟัน ท่านจึงเอาตัวเข้าไปขวาง แล้วเอามือซ้ายขึ้นรับมีดแทนเพื่อน จึงเป็นเหตุให้เส้นเอ็นข้อมือข้างซ้ายขาด จนทำให้ใช้งานไม่ได้ หลังจากรักษาตัวหาย ท่านคิดที่จะเลิกกินเหล้า เลิกเกเร ท่านคิดอยากจะบวชเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา เลยได้ตัดสินใจบวช ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ที่วัดไตรสามัคคี ตำบลบางเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับฉายา รกฺขิตสีโร แปลว่า ผู้มีบารมีธรรม

เมื่อพระภิกษุพัฒน์ ได้เข้าร่มกาสาวพัสตร์ ท่านเป็นผู้ว่าง่าย สอนง่าย ต่อพระอุปัชฌาย์ ครูอาจารย์ ในการศึกษาพระธรรม และการศึกษาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนมีสมาธิสงบเยือกเย็น ลำดับหนึ่ง พอถึงพรรษาที่ ๒ พระอาจารย์พัฒน์ได้คิดถึงสมัยที่โดนฟันที่ข้อมือซ้าย ทำให้เส้นเอ็นขาด เลยคิดว่าถ้าท่านมีวิชาคงจะป้องกันตัวเองได้ จึงอยากเรียนวิชาในสายคงกะพันอย่างจริงจัง

พอถึงเวลาหัวค่ำปกติที่ท่านต้องสวดมนต์ทำวัตรเย็น และนั่งสมาธิเป็นประจำทุกวันนั้น ท่านจึง ตั้งจิตอธิฐานต่อองค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอให้เจอครูบาอาจารย์ผู้เรืองเวทย์เรืองอาคม ท่านจะไปขอร่ำเรียนวิชา หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ได้เจอ โยมน้อม เข้ามาทำบุญที่วัดไตรสามัคคี (โยมน้อม จังหวัดชัยนาท วัดตลุกเทื้อม (อินทาราม)ซึ่งเป็นเป็นหลานแท้ๆ ของปู่บุญ กลักทรัพย์ จังหวัดกำแพงเพชร ว่าเป็นผู้มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์เก่งมาก จนได้รับฉายาว่า ปู่บุญหนังแห้ง แห่งกำแพงเพชร จนเป็นที่กล่าวขานของชาวนาบ้านย่านนั้น)

 

พระอาจารย์พัฒน์เลยได้สอบถามโยมน้อมว่ารู้จักครูบาอาจารย์ที่เก่งๆบ้างไหม อาตมาจะไปเรียนเหมือนฟ้าลิขิตให้มาเจอกัน โยมน้อมตอบทันที่ว่ามีครับ เป็นลุงของโยมน้อมเอง เป็นอาจารย์สักอยู่เก่งมากครับ(คำพูดของโยมน้อม) หลังจากได้พูดคุยกับโยมน้อมแล้วนั้น พระอาจารย์พัฒน์ได้ขอให้โยมน้อมพาไปหาปู่บุญ กลักทรัพย์ เพื่อขอเป็นศิษย์ โยมน้อม ได้พาพระอาจารย์พัฒน์ไปหาปู่บุญ ที่กำแพงเพชร พอไปถึงได้เจอปู่บุญแล้วนั้น ปู่บุญก็พูดคุยกับพระอาจารย์พัฒน์ สักครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้รับเป็นศิษย์ พระอาจารย์พัฒน์ก็ยังไม่ได้เดินทางกลับวัด

ด้วยมีความตั้งใจอยากจะเรียนให้ได้ ก็เลยได้อาศัยชานพักหน้าบ้านปู่บุญ จำวัดเป็นเวลา ๕ วัน ในเวลา๕ วันนั้นปู่บุญก็ทำอาหารถวายทุกวัน ส่วนพระอาจารย์พัฒน์นั้นก็สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ตลอดมิได้ลบเล้า ให้ปู่บุญลำคานใจแต่ประการใดเลย จนปู่บุญ เห็นความตั้งใจจริงของพระอาจารย์พัฒน์

ว่าเป็นผู้มีความวิริยะอุตสาหะ อดทน ถ้าสอนแล้ว น่าจะเป็นคุณประโยชน์สืบต่อไปเป็นแน่ ในวันที่ ๖ จึงได้พูดคุยกับพระอาจารย์พัฒน์และโยมน้อม และให้เรียนคู่กัน ตั้งแต่นั้นมาพระอาจารย์พัฒน์ และ โยมน้อม ก็ได้ศึกษาสรรพวิชาต่างๆมาจากปู่บุญ ด้วยที่พระอาจารย์พัฒน์เป็นคนขยันมั่นเพียร ว่าง่ายสอนง่าย ปู่บุญให้วิชาบทไหนท่านมา พอขึ้นกับไปหาปู่บุญอีก ท่านจะท่องให้ปู่บุญฟังทุกบทที่ได้มา จนเป็นถูกใจปู่บุญเป็นอย่างมาก

เมื่อปู่บุญเห็นอย่างนั้นแล้ว ก็ได้สอนตำราเล็ก ตำราน้อย จนหมดไส้หมดพุงของปู่บุญ กลักทรัพย์ วิชาเอก คือวิชาหนุมานหัวทองแดง วิชาเสือ ๗ ป๊อด และยันต์กันคัดกันกระทำซึ่งเป็นมหาอุดใหญ่ วิชาเสื้อเหล็กและอีกมากมายหลายอย่าง พอได้ร่ำเรียนกับปู่บุญมาจนชำนาญแล้ว ท่านก็ได้มาเป็นอาจารย์สักยันต์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และได้แวะเวียนไปหาปู่บุญอยู่ตลอดเวลา จนปู่บุญได้สอนวิชาวาจาสิทธิ์ ที่สืบทอดมาจากหลวงพ่อดัด วัดท่าโบสถ์ จังหวัดชัยนาท

เช่าพระคลิ๊กที่นี่
บ้านพระเครื่อง

 

ฆราวาสจอมขมังเวท..สำนักสักยันต์บารมีบ้านโต๊ะทอง \"อาจารย์พัฒน์ โต๊ะทอง\"สักยันต์หนังเหนียว ลูกศิษย์มากมาย ยิงฟันไม่เข้า..

หลังจากนั้นได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่สำรวย ธมฺมธโร วัดตะกล่ำ ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว และหลวงหลวงปู่สำรวย ยังได้เป็นศิษย์ของ อาจารย์แก้ว คำพิบูลย์ ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของหลวงพ่อทอง วัดราชโยธา ในการฝากตัวครั้งนี้หลวงปู่สำรวย ได้ครอบวิชาให้พระอาจารย์พัฒน์ มีดังนี้ วิชาเสกปูนคาดคอ วิชา ๙เฮ ยันต์ครูหลวงปู่ทอง ยันต์ครูหลวงปู่เผือก หัวใจองคุลีมาล และอีกหลายวิชา และยังได้ไปร่ำเรียนวิชาเกราะเพชรพระอิศวร หัวใจขุนแผน ของพ่อชื้น ผลโพธิ์ ถึงในขณะนี้ที่มีลูกศิษย์มาสักรับการสักยันต์มากมาย

พระอาจารย์พัฒน์ก็ยังไปหาเวลาร่ำเรียน เพิ่มเติมตลอดเวลา และได้ไปร่ำเรียนวิชาสาลิกาเขมร ของอาจารย์ประเสริฐ พุฒซ้อน ทางภาคอิสาน และได้ร่ำเรียนตำราว่านยาสมุนไพรรักษา สายหลวงปู่ศุข วัดปากครองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท และยังได้ร่ำเรียนวิชาอีกหลายสาย อาทิเช่น หลวงปู่ดำ หลวงปู่ขาว หลวงพ่อสนิท เขมโก หลวงพ่ออุ่น หลวงพ่อชื่น อาจารย์เชื้อ อาจารย์ศิริ พ่อละออ ดีเลิศ ปู่ยุ้ย อาจารย์เจริญ ครูสวิง จันทร์เพ็ญ อาจารย์บก อาจารย์เตื่อย อาจารย์ทา อาจารย์เตี่ย อาจารย์ประสิทธิ์ อาจารย์ทราย หลวงพ่อกลับ อาจารย์เสงี่ยม และตำราสายวัดประดู่ทรงธรรม ยกตัวอย่าง มีดังนี้

ตะกรุดกะท้อนแสง ยันต์กรงทอง ยันต์ลงผ้าประเจียดแล พิสมร ยันต์จักรพรรตราธิราช ยันต์ตะกรุด๓ กษัตริย์ ยันต์ลงผ้าเช็คหน้า พร้อม ผ้าโพกหัว เป็นต้น และยังได้ศึกษาวิชาสายหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย บางส่วน และยังได้ไปร่ำเรียนวิชาสายท่านพ่อแก่ จากหลวงปู่สมหวัง โอภาโส วัดมณฑล จังหวัดตราด ซึ่งเป็นกายทรงท่านพ่อแก่ องค์แรกของภาคตะวันออก และวิชาสายเขมรจากพระอาจารย์โจ จังหวัดสุรินทร์

ตลอดเวลาที่อยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ได้ปฏิบัติตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด และยังได้เป็นครูฝึกพระกรรมฐาน พร้อมทั้งยังพาพระภิกษุ สามเณร ลูกศิษย์ลูกหา ออกธุดงค์ ไปบูรณะปฏิสังขรณ์ ณ สำนักสงฆ์บางยี่โถ จังหวัดพนมสารคาม จากที่เป็นสำนักสงฆ์ จนได้กลายเป็นวัดบางยี่โถ จวบจนทุกวันนี้ และได้ร่วมเข้าโครงการสมุนไพร เป็นโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพฯ ที่สำนักสงฆ์วัดบางยี่โถ จนได้ใบรับประกาศนียาบัตร ให้เป็นผู้เผยแพร่สมุนไพรไทย และยังได้ไปซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ อีก ๓ วัด ได้แก่วัดท่าปก จันทบุรี วัดมณฑล วัดเขาสมิง จังหวัดตราดจนแล้วเสร็จ และในปี พ.ศ.๒๕๒๙ ได้สำเร็จหลักสูตรพิเศษการใช้สมุนไพร โครงการพระราชดำริสวนป่าสมุนไพร เพื่อสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นระยะเวลา ที่บวชมาทั้งหมด ๘ พรรษา

นั้นได้สร้างคุณงามความดีจนเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวบ้าน จนได้ขอนิมนต์พระอาจารย์พัฒน์ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ณ วัดไตรสามัคคี เนื่องจากรักษาการเจ้าอาวาสในขณะนั้นได้มรณภาพลง พระอาจารย์พัฒน์ได้มาพิจารณาไตร่ตรองดูละเอียดถี่ถ้วนแล้วนั้น ว่าท่านเป็นคนชอบศึกษาวิชาอาคมไสยเวทย์และ ชอบเดินทางไปศึกษาที่ต่างๆ ไม่ชอบอยู่กับที่ จนตระหนักถึงความไม่เหมาะสมในการรับตำแหน่งเจ้าอาวาส เลยปรึกษากับคณะกรรมการวัด ให้นิมนต์หลวงพ่อผา จากวัดสวนส้มเพื่อให้มารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไตรสามัคคีสืบต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ หลังจากได้นั้นต่อมา ถึงเวลาช่วงออกพรรษาแล้วนั้น พระอาจารย์พัฒน์ได้คิดที่จะทำการลาสิกขาลาเพศ ท่านได้มอบจัตตุปัจจัยถวายวัดไตรสามัคคีทั้งหมด แล้วได้ขอลาสิกขา ในวันศุกร์ที่ ๑๗มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๒ ซึ่งตรงกับขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง

โดยหลวงปู่สำรวยเป็นผู้ทำการลาสิกขาให้ หลังจากลาสิกขาแล้วนั้นหลวงปู่สำรวยให้เงินขวัญถุง จำนวน ๑๐๐ บาท และได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่สำรวย หลังจากนั้นเป็นเวลา ๒ เดือน พ่อพัฒน์ได้พบรักกับแม่สุวิมล และได้ครองเรือนกันมา และได้ทำการเปิดสักยันต์ ในตลาดสดวัดตะกล่ำ ที่ลูกศิษย์ลูกหาเรียกกันว่าบ้านนางกวัก พ.ศ.๒๕๓๓ ได้ถือกำเนิดทายาทคือ เด็กชายปิยะบุตร โต๊ะทอง หรืออาจารย์เป้งในเวลานี้ ได้เกิดที่โรงพยาบาลตำรวจ เขตปทุมวัน พ่อพัฒน์ได้เปิดสักยันต์ที่บ้านนางกวัก วัดตะกล่ำได้ ๒ ปี และได้ย้ายสำนัก มาอยู่หมู่บ้านทรัพย์บุญชัย ซอย ๓๓ใน เป็นเวลา ๒ ปี จากเวลาที่เปิดสักยันต์มา ๔ ปี ได้เก็บเงินสะสมเล็กสะสมน้อย และศิษย์ยานุศิษย์รวบรวมเงิน จนได้มาซื้อเนื้อที่ ๔๒ ตรว.เพื่อปลูกเป็นสำนักในซอย ๒๐ หมู่บ้านทรัพย์บุญชัย ในวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๕ กระทั่งได้เปิดสำนักสักยันต์มาเป็นเวลา ๑๙ปีแล้วนั้น

พ่อพัฒน์ยังไม่หยุดแสวงหาครูบาอาจารย์ที่จะศึกษาร่ำเรียน จนได้มาศึกษาวิชาเสือหางด้วน ในสายหลวงพ่อทองเติม จตฺตภโย ผู้เป็นเจ้าตำรับเสือหางด้วน สำนักสงฆ์วัดถ้ำบัวขาว จังหวัดลพบุรี ซึ่งหลวงพ่อทองเติมได้เป็นเกลอกับเสือเบี้ยวซุ้มโจรสุพรรณกับเสือมเหศวร และยังได้ไปร่ำเรียนวิชายันต์เก้ายอด ยันต์แปดทิศ ยันต์งบน้ำอ้อย เสือตีนโต ดำดื้อ แดงเก จากอาจารย์จี๊ด เขตทุ่งครุ พระประแดง ซึ่งเรียนมาในสายของหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม พ่อพัฒน์ ได้เร่งเห็นแล้วว่าอาจารย์เป้ง ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวมีความพร้อม ทางด้านคาถาอาคมแล้วนั้น จึงได้สอนสักเสกเลขยันต์อักขระให้ ในปี พ.ศ.๒๕๕๒

ฆราวาสจอมขมังเวท..สำนักสักยันต์บารมีบ้านโต๊ะทอง \"อาจารย์พัฒน์ โต๊ะทอง\"สักยันต์หนังเหนียว ลูกศิษย์มากมาย ยิงฟันไม่เข้า..

จึงได้ทำการครอบครูสักยันต์ให้กับอาจารย์เป้ง และให้อาจารย์เป้งทำการสักยันต์ตั้งบัดนั้นเป็นต้นมาจวบจนกระทั่งใน ปีพ.ศ.๒๕๕๓ อาจารย์เป้งได้เข้าอุปสมบท เป็นเวลา ๑ พรรษา หลังจากลาสิกขาแล้วนั้นได้มาทำการสักยันต์ต่อ จนถึงในปี พ.ศ.๒๕๕๔ พ่อพัฒน์ ได้ลาครูสักลง และให้อาจารย์เป้งเป็นผู้สืบทอดการสักยันต์สืบต่อมา ในวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ไหว้ครูใหญ่ประจำปี ได้ทำการรับขันธ์กายทรงสายพ่อแก่เป็นรุ่นสุดท้าย จำนวน ๙ คน ซึ่งมีอาจารย์เป้งรับขันธ์กายทรงสายพ่อแก่ เป็นคนที่ ๙ ซึ่งพ่อพัฒน์ ได้เปิดสำนักสักยันต์จวบจนทุกวันนี้ ตั้งแต่ ปีพ.ศ. ๒๕๒๖เป็นเวลา ๓๑ ปี ได้มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วสาระทิศ และพ่อพัฒน์ โต๊ะทอง ได้ทำการครอบครูสักยันต์ ให้ลูกศิษย์จำนวน ๑๔ คน พร้อมทั้งรับขันธ์ทรงสายพ่อแก่ จำนวน ๓๙กายทรง พอสังเขป จนกระทั่งวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พ่อพัฒน์ได้ถึงแก่กรรม ด้วยวัย ๖๗ ปี หลังจากที่พ่อพัฒน์ ถึงแก่กรรมแล้วนั้น อาจารย์เป้ง ได้เป็นผู้สืบทอดของสำนักสักยันต์พ่อพัฒน์ โต๊ะทอง จวบจนทุกวันนี้ รอยสักยันต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของสำนักบารมีบ้านโต๊ะทอง คือ

หนุมานอยู่ซ้าย นารายณ์อยู่ขวา

หมูโทนอยู่หน้า พ่อแก่อยู่หลัง

กันคัดตามข้อ ตะกร้อหัวเข่า

จิ้งจกก็ไม่เบา เต่าเรือนเก็บเงิน

หงส์คู่เมตตา สาลิกาเชยชม

กวางเลี้ยวสุขสม พระฉิมสมใจ

บัวแก้ว บัวทอง สองดอกคุ้มภัย

ขุนแผนว่าไว้ ไปไหนใครก็รัก

ดำดื้อ แดงเก เกเรไม่เบา

กันเขี้ยวซ้ายขวา เกราะเพชรอกหน้า ภูตากังเก

มีเรื่องเล่ากล่าวขานถึงประสบการณ์การมาสักยันต์ และวัตถุมงคลพ่อพัฒน์ โต๊ะทอง

ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ สมัยที่ท่านบวชจำพรรษาได้อยู่กุฏิ กลางน้ำ ที่วัดไตรสามัคคี ได้มีการจัดสร้างรูปถ่ายฉากพุทธ ได้เกิดเหตุการณ์ ไฟไหม้ทั้งกุฏิกลางน้ำ แต่เกิดสิ่งที่หน้าอัศจรรย์ คือ ทุกอย่างในกุฏิ ได้โดนไฟมอดไหม้ทั้งหมด เหลือแต่รูปรุ่น๑ หลังฉากพระพุทธที่ไม่ถูกไฟมอดไหม้ซักใบเดียว

ในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ขณะที่ท่านกำลังสักยันต์ให้ลูกศิษย์อยู่นั้น ได้มีคนมาขอลองโดยบอกกับท่านว่า ไหนขอลองหน่อยซิว่าของ พระอาจารย์พัฒน์จะแน่ซักแค่ไหน พอพูดจบแล้วก็ทำการจับคอลูกศิษย์ของท่านแล้วใช้คัตเตอร์ปาดที่คอ แต่ปรากฏว่า ที่คอลูกศิษย์นั้นไม่มีบาดแผลอะไรเป็นแค่รอยแดง

ในปี พ.ศ.๒๕๓๒ ได้เกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ ที่จังหวัดชุมพร ลูกศิษย์ของท่านได้มาหาท่านที่สำนักและบอกกับท่านว่าตนนั้นจะออกเรือกับพรรคพวก ท่านจึงทำการครอบเศียรพ่อแก่ให้คุ้มครองทุกคนที่จะทำการเดินเรือ แล้วได้ให้รูปถ่ายพร้อมทั้งเครื่องรางเอาไว้ติดตัวผสมปนกันไปใน ๕คนนั้น พอถึงเวลาออกเรือ ได้เกิดพายุขึ้น โดยในเรือมีคนทั้งหมด ๗ คน โดยอีก ๒ คนนั้นไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของท่าน ผลปรากฏว่าลูกศิษย์ท่านทั้ง ๕ คนรอดชีวิตทั้งหมด ส่วนอีก ๒คนเสียชีวิต นี่คือคำบอกเล่าจากประสบการณ์จริงของลูกศิษย์ทั้ง๕ คน

ในปี พ.ศ.๒๕๔๖ได้มีนักศึกษาช่างกลโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์ท่านนั้นขณะนั่งรถไปโรงเรียนได้มีคู่อริต่างสถาบันมาดักรอทางผ่าน ของสายรถเมล์ ๑๑๖ คู่อริมากันจำนวน ๒ คน แล้วได้ใช้อาวุธปืน ขนาด ๙มม. จ่อยิงกลางถนน ปรากฏว่าปืนขัดลำกล้องและคู่อริ ได้กระชากลังเพลิงเพื่อให้ลูกกระสุนที่ขัดอยู่ออกจากลังเพลิง แล้วทำการถอดแม็กกาซีนแล้วใส่เข้าไปใหม่ ยืนยิงละคนซึ่งคนที่ถูกยิงนั้นมีจำนวนทั้งหมด ๗ คน ๖คนแรกซึ่งเป็นลูกศิษย์ท่านนั้น ปืนไม่สามารถที่จะยิงออกได้ แต่พอจ่อปืนไปทางคนที่ ๗นั้น ปืนกับลั่นเสียงดังซึ่งคนนี้ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ท่าน ปัจจุบันนักศึกษาทั้ง๖ คนนี้ยังมีชีวิตอยู่ และยังคงอยู่ที่สำนักจวบจนทุกวันนี้

ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ นักศึกษาช่างกลแห่งหนึ่ง ได้นั่งรถประจำทางกลับบ้านพร้อมกับแฟนสาว ถึงป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งย่านสำโรง ได้ลงรถประจำทางเพื่อที่จะลงไปส่งแฟนสาวกลับบ้านปรากฏว่า เจอนักศึกษาคู่อริ ชักอาวุธปืนขนาด .๓๘ ออกมาจ่อยิง ๓นัดโดนที่หัวไหล่ ๑ นัด ท้องอีก ๒ นัด จนถึงกับลงไปนอนกองกับพื้นเพราะความเจ็บปนจุก พออาการดีขึ้น นักศึกษาคนนั้นได้ลุกขึ้นมาแล้วเห็นเสื้อขาดที่หัวไหล่กับท้องจึงเปิดเสื้อขึ้นดูปรากฏว่า เป็นแค่รอยช้ำเขียวปนม่วง กระสุนไม่เจาะทะลุเลยได้หยิบเหรียญหมูโทนรุ่น ๑ที่คอขึ้นมายกมือไหว้ท่วมหัว

ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ นักศึกษาช่างกลแห่งหนึ่งซึงเป็นเพื่อนกับลูกศิษย์ของท่าน แต่ตัวเองนั้นไม่ได้สักแต่นับถือลูกศิษย์ของท่านจึงให้รูปท่านกับนักศึกษาคนนั้นไว้ห้อยติดตัวเวลาโรงเรียน จนมาถึงวันหนึ่งได้มีคู่อริ ดักยิงด้วยปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ พร้อมทั้งโดนรุมฟันจนมีเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุ คู่อริจึงหนีไป

ผลปรากฏว่า ตัวของนักศึกษาคนนั้นเสื้อขาดวิ่นหมดแต่ตัวนั้นไม่เป็นอะไร

และยังมีประสบการณ์อีกมากมาย กับผู้ที่มารับการสักยันต์ และ เช่าหา วัตถุมงคลของทางสำนัก ไปบูชา อาทิ เช่น รูปถ่าย ตะกรุดมหาอุด ตะกรุดกันเขี้ยว ตะกรุด ๓กษัตริย์ เหรียญหมูโทน รุ่น ๑ เหรียญหมูโทน รุ่น ๒ เหรียญหนุมาน รุ่น ๑ เสื้อยันต์ พ่อแก่เนื้อผง เสือไม้พยุงแกะ จิ้งจกน้ำมันจันทน์ ผ้ายันต์ต่างๆพระลีลาค้าขาย และมีดหมอ วัตถุมงคลอื่นๆอีกหลายอย่าง

คติสอนใจของสำนัก บารมีบ้านโต๊ะทอง

รักตนต้องพลีตน หมั่นท่องบ่นพยายาม ไว้เกียรติและนามดำรงศักดิ์ตระกูลเรา

มึงว่ากูขลังก็ขลัง มึงว่ากูไม่ขลังก็ไม่ขลัง อาจารย์เป็นผู้ให้ไม่ใช่เทวดา

ถึงสูงเยี่ยมเทียมฟ้าอย่าดูถูกครูซึ่งปลูกวิชามาแต่หลัง ศิษย์ไร้ครูอยู่ได้ไม่จีรัง

อย่าโอหังคิดบังอาจ ประมาทครู เลี้ยงงูพิษดีกว่ามีศิษย์ทรยศ

ฆราวาสจอมขมังเวท..สำนักสักยันต์บารมีบ้านโต๊ะทอง \"อาจารย์พัฒน์ โต๊ะทอง\"สักยันต์หนังเหนียว ลูกศิษย์มากมาย ยิงฟันไม่เข้า..

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

อู้อี้ เว้ยเอ้ย

 AppGeji

เพื่อเผยแผ่กิตติคุณครูบาอาจารย์