หญิงผู้อาภัพ!! ชาติกำเนิดที่แท้จริงของ "แม่มะลิ" กว่าจะมาเป็น "ท้าวทองกีบม้า" เผย..มาจากลูกหลานของผู้ลี้ภัยทางศาสนาในญี่ปุ่น #บุพเพสันนิวาส

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

หญิงผู้อาภัพ!! ชาติกำเนิดที่แท้จริงของ "แม่มะลิ" กว่าจะมาเป็น "ท้าวทองกีบม้า" เผย..มาจากลูกหลานของผู้ลี้ภัยทางศาสนาในญี่ปุ่น #บุพเพสันนิวาส

 

             จากกระแสอันโด่งดังและมาแรงที่สุดในตอนนี้ กับละครบุพเพสันนิวาส ที่ออกอากาศทางช่อง 3 ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกสนานแฝงไปด้วยความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา แผ่นดินของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รวมไปถึงความโดดเด่นของตัวละครที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น หมื่นสุนทรเทวา ท่านออกญาโหราธิบดี เจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) รวมไปถึง มารี กีมาร์ หรือท้าวทองกีบม้า 

หญิงผู้อาภัพ!! ชาติกำเนิดที่แท้จริงของ "แม่มะลิ" กว่าจะมาเป็น "ท้าวทองกีบม้า" เผย..มาจากลูกหลานของผู้ลี้ภัยทางศาสนาในญี่ปุ่น #บุพเพสันนิวาส

 

             หลังจากที่เมื่อคืนนี้ที่ละครได้ออนแอร์ออกไป ตัวละครที่ชื่อ มารี กีมาร์ หรือต่อมาคือท้าวทองกีบม้า ราชินีแห่งขนมไทย ก็เป็นที่สนใจต่อโลกออนไลน์ สำหรับท้าวทองกีบม้านั้น  มีชื่อจริงว่า มารีอา กูโยมาร์ เด ปิญญา เป็นคริสตังเชื้อสายโปรตุเกส, เบงกอล และญี่ปุ่น เป็นธิดาคนโตของฟานิก กูโยมาร์ (Fanik Guyomar) บิดามีเชื้อสายโปรตุเกส, ญี่ปุ่น และเบงกอล ที่อพยพมาจากอาณานิคมโปรตุเกสในเมืองกัว กับมารดาชื่ออูร์ซูลา ยะมะดะ ลูกหลานผู้ลี้ภัยจากการเบียดเบียนศาสนาในญี่ปุ่น

             จากการเบียดเบียนศาสนาในญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2135 ตามคำบัญชาของโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ทำให้เซญอรา อิกเนซ มาร์แตงซ์ หรือ อิกเนซ มาร์ตินซ์ ย่าบ้างก็ว่าเป็นยายของท้าวทองกีบม้า ถูกนำตัวมาไว้ที่เมืองไฮโฟในเวียดนาม ระหว่างนั้นนางได้สมรสกับลูกหลานไดเมียวตระกูลโอโตะโมะ ภายหลังครอบครัวของนางจึงได้อพยพมาลงหลักปักฐานในกรุงศรีอยุธยาอีกทอดหนึ่ง แต่ข้อมูลบางแห่งก็ว่า ครอบครัวของนางไปอยู่ที่กัมพูชาก่อนถูกกวาดต้อนมาสู่กรุงศรีอยุธยาเมื่อคราสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงตีเมืองละแวก ในปี ค.ศ. 1593 จากข้อมูลนี้มารีอาอาจมีเชื้อสายเขมรหรือจามผ่านทางมารดาด้วยก็เป็นได้

 

หญิงผู้อาภัพ!! ชาติกำเนิดที่แท้จริงของ "แม่มะลิ" กว่าจะมาเป็น "ท้าวทองกีบม้า" เผย..มาจากลูกหลานของผู้ลี้ภัยทางศาสนาในญี่ปุ่น #บุพเพสันนิวาส

 

             ครอบครัวของยะมะดะเป็นตระกูลที่เคร่งครัดในคริสต์ศาสนา เซญอรา อิกเนซ มาร์แตงซ์ ผู้เป็นยาย อ้างว่านางเป็นหลานสาวของนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ (Saint Francis Xavier) นักบุญชื่อดัง ที่ได้ประทานศีลล้างบาปและตั้งนามทางศาสนาให้ แต่อย่างไรก็ตามมารดาของท้าวทองกีบม้าค่อนข้างจะมีประวัติด่างพร้อยว่านางคบชู้กับบาทหลวงทอมัส วัลกัวเนรา (Thomas Vulguaneira) บาทหลวงเยสุอิตเชื้อสายซิซิลี และกล่าวกันว่าท้าวทองกีบม้า มิใช่ลูกของฟานิก สามีตามกฎหมายของนางยะมะดะ แต่เกิดกับบาทหลวงรูปดังกล่าว ดังปรากฏใน Mémoire touchant l'enlèvement et la reddition de Madame Constance ความว่า

"ส่วนนางอูร์ซูลนั้นเล่า พอเข้าพิธีแต่งงานกับสามีที่ถูกต้องนามว่าฟานิกได้ไม่ทันไร ก็ไปมีความสัมพันธ์กับบาทหลวงวัลกัวเนรา ซึ่งเป็นบาทหลวงชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายเยสุอิต ผู้ออกแบบการก่อสร้างป้อมค่ายกำแพงเมืองให้สยาม มาดามฟอลคอน (ท้าวทองกีบม้า) ซึ่งผิวขาวยิ่งกว่านายฟานิกและน้อง ๆ ของเธอ ถือกำเนิดในช่วงเวลานี้เอง ปรากฏว่าบาทหลวงวัลกัวเนราถูกเรียกตัวไปประจำที่มาเก๊าเพราะมีข่าวอื้อฉาวเรื่องนี้เอง ว่ากันว่าท่านบาทหลวงข้ามแม่น้ำไปยังหมู่บ้านญี่ปุ่นอีกฟากฝั่งหนึ่งเพื่อไปหานาง"

หญิงผู้อาภัพ!! ชาติกำเนิดที่แท้จริงของ "แม่มะลิ" กว่าจะมาเป็น "ท้าวทองกีบม้า" เผย..มาจากลูกหลานของผู้ลี้ภัยทางศาสนาในญี่ปุ่น #บุพเพสันนิวาส

 

            ทั้งยังปราฏใน Mémoire en forme de lettre d'un anglais catholique เช่นกัน มีเนื้อความว่า

"พ่อฟานิกคนนี้ เป็นคนผิวดำลูกครึ่งเบงกอลกับญี่ปุ่น ที่ข้าพเจ้าระบุว่าเขาผิวดำนี้ มิพักต้องคัดค้านดอกว่าก็บุตรธิดาของเขาบ้างบางคนนั้นผิวขาว และคนอื่น ๆ กลับผิวคล้ำ ก็นี่ล่ะที่จะเป็นเหตุให้ต้องค้นหากันละสิ ข้าพเจ้าจะบอกว่า นักบวชตาชาร์... ท่านทำให้ทุก ๆ คนหัวเราะกันอยู่เรื่อย เวลาที่พูดว่า มร. กงส์ต็องส์เรียกขานบาทหลวงเยสุอิตว่าเป็นพี่เป็นน้อง"

            ทั้งนี้ไม่มีการชี้ชัดว่าฟานิกเป็นบิดาแท้จริงของมารีอาหรือไม่ ขณะที่งานเขียนของ อี. ดับเบิลยู ฮัตชินสัน (E. W. Hutchinson) ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สยามสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจำนวนสองเล่ม ที่มีการกล่าวถึงประวัติชีวิตของท้าวทองกีบม้า คือ Adventure in Siam in the 17th Century. และ 1688 Revolution in Siam. โดยเมื่อกล่าวถึงฟานิกเขามักใช้คำว่า "ผู้เลี้ยงดู" หรือ "พ่อเลี้ยง" แต่เอกสารบางชิ้นก็ว่า ท้าวทองกีบม้าผิวคล้ำละม้ายฟานิก และเอกสารของบาทหลวงฝรั่งเศส ต่างไม่ลังเลใจที่จะเรียกฟานิกว่าเป็นบิดาของนาง

         เมื่อครั้งที่ท้าวทองกีบม้า เข้ารับราชการในห้องเครื่องต้น กำกับเครื่องชาวพนักงานหวานในพระราชวัง ก็ได้สร้างสรรค์ขนมหวานหลายชนิด โดยดัดแปลงมาจากตำรับอาหารโปรตุเกสให้เป็นขนมหวานของไทย โดยผสมผสานความรู้ด้านการทำอาหารที่มีมาแต่เดิมมารวมเข้ากับวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น ทั้งยังสอนความรู้ดังกล่าวแก่เหล่าสตรีในบัญชา จนตำรับเป็นที่เผยแพร่โดยทั่วไปและตกทอดสู่อนุชนรุ่นหลัง ถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมโปรตุเกสที่แพร่เข้าสู่สังคมไทย ด้วยเหตุนี้ท้าวทองกีบม้าจึงได้การยกย่องให้เป็น "ราชินีแห่งขนมไทย"

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ท้าวทองกีบม้า_(มารี_กีมาร์)

ขอบคุณภาพจาก : ละคร บุพเพสันนิวาส