เงินถุงแดง ทุนสำรองของแผ่นดิน สายพระเนตรอันกว้างไกลของ รัชกาลที่ 3

หลายคนเคยได้ยินคำว่า "เงินถุงแดง" แต่ไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เงินถุงแดง ก็คือ เงินกำไรจากการค้าขายโดยกองเรือสำเภาส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ล้นเกล้ารัชกาลที่ 3) ซึ่งทรงเก็บสะสมไว้ตั้งแต่ยังทรงดำรงพระอิสริยยศพระเจ้าลูกยาเธอ เรื่อยมาจนตลอดรัชสมัยของพระองค์ท่าน โดยเงินดังกล่าวเก็บเอาไว้ในถุงผ้าสีแดงและเก็บเอาไว้ข้างพระแท่น (เตียงนอน) เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า "เงินพระคลังข้างที่"

หลายคนเคยได้ยินคำว่า "เงินถุงแดง" แต่ไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เงินถุงแดง ก็คือ เงินกำไรจากการค้าขายโดยกองเรือสำเภาส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ล้นเกล้ารัชกาลที่ 3) ซึ่งทรงเก็บสะสมไว้ตั้งแต่ยังทรงดำรงพระอิสริยยศพระเจ้าลูกยาเธอ เรื่อยมาจนตลอดรัชสมัยของพระองค์ท่าน โดยเงินดังกล่าวเก็บเอาไว้ในถุงผ้าสีแดงและเก็บเอาไว้ข้างพระแท่น (เตียงนอน) เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า "เงินพระคลังข้างที่" ส่วนคำว่า “พระคลังข้างที่” ทรงพระราชทานเป็นทุนสำรองให้แก่แผ่นดินไทย หรือว่าเก็บเอาไว้สำหรับใช้ในยามบ้านเมืองอยู่ในภาวะคับขันในเวลาต่อมา

 

เงินถุงแดง ทุนสำรองของแผ่นดิน สายพระเนตรอันกว้างไกลของ รัชกาลที่ 3

 

เงินถุงแดง เป็นเงินที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งที่ยังเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าทับ ซึ่งเป็นพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 2 ทรงทำหน้าที่กำกับราชการกรมท่า กรมท่านี้เป็นกรมที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานการต่างประเทศ การพาณิชย์ แล้วก็การพระคลัง ทรงบริหารงานราชการกรมท่าเข้มแข็งมากแล้วก็นำรายได้เข้าสู่แผ่นดินได้จำนวน มากอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เงินแผ่นดินสมัยก่อนเค้าเรียกว่าเงินในท้องพระคลังหลวง

 

เงินถุงแดง ทุนสำรองของแผ่นดิน สายพระเนตรอันกว้างไกลของ รัชกาลที่ 3

 

วิธีการหารายได้ของพระองค์ท่าน คือ จัดแต่งเรือสำเภานำสินค้าไปค้าขายกับต่างประเทศ อย่างเช่นจีน อินเดียและประเทศทางก็จะมีเปอร์เซียเป็นนักค้าตัวยง มีทั้งสำเภาหลวง แล้วก็สำเภาของส่วนพระองค์ด้วย ทรงนำสินค้าของส่วนพระองค์ใส่เรือสำเภาของส่วนพระองค์ค้าขายกับต่างประเทศด้วย เงินที่ได้มา ในส่วนของสำเภาหลวงก็เข้าคลังหลวง ในส่วนของสำเภาส่วนพระองค์ ได้ทรงแบ่ง ส่วนหนึ่งก็คือถวายรัชกาลที่ 2 เพื่อนำเข้าพระคลังหลวงด้วย อีกส่วนหนึ่งทรงเก็บไว้เงินส่วนพระองค์ที่ทรงเก็บไว้ในถุงแดง ข้างที่พระบรรทม พอเงินเต็มถุง พอเต็มถุงก็จะทรงนำเข้าพระคลังหลวงไว้เป็นสมบัติแผ่นดินทั้งหมด และทรงสะสมใหม่ เพื่อพระราชทานเก็บเข้าพระคลังหลวงเป็นสมบัติแผ่นดินอีก ทั้งๆที่เป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 

 

เงินถุงแดง ทุนสำรองของแผ่นดิน สายพระเนตรอันกว้างไกลของ รัชกาลที่ 3

 

แต่เนื่องจากทรงมีพระราชดำริว่า เมื่อพระองค์มีพระราชทรัพย์ในขณะที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน คือที่ที่ทรงค้าขาย ทั้งเมื่อยังเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ และเมื่อครองราชย์แล้วด้วยเหมือนกัน คือจากสำเภาส่วนพระองค์ด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อทรงมีพระราชดำริว่า เมื่อมีพระราชทรัพย์ในขณะที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระราชทรัพย์ทั้งหมดจึงควรจะเป็นของ แผ่นดินหาใช่พระราชทรัพย์ที่จะตกทอดถึงพระราชโอรส ธิดาของพระองค์ เพราะเงินถุงแดงเก็บข้างที่พระบรรทม ซึ่งต่อมาก็เป็นที่มาของคำว่าพระคลังข้างที่ ใส่ในถุงแดง ถุงผ้า ถุงผ้าสีแดง แล้วก็สมัยโบราณเวลาเขาเก็บเงินเขาจะห่อมิดชิดแล้วตีตรา คือ เก็บในถุงแดงแล้วก็จะมีกำปั่น คือเป็นวิธีการเก็บเงินในสมัยโบราณเขาจะใส่กำปั่น จะวางไว้ข้างพระที่ หรือว่า ตอบไม่ได้แน่นอนว่าวางไว้ข้างพระแท่นบรรทมหรือว่ามีห้องเก็บ แต่เขาก็เรียกว่าเงินข้างที่บรรทมหรือพระคลังข้างที่

 

เงินถุงแดง ทุนสำรองของแผ่นดิน สายพระเนตรอันกว้างไกลของ รัชกาลที่ 3

 

ต่อมาภายหลังการสวรรคต ได้มีการจัดการเงินก้อนนี้โดยให้อยู่ในการดูแลของสำนักงานพระคลังข้างที่ และพบว่าล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 ทรงเก็บเงินไว้ในรูปของเงินเหรียญเม็กซิโก ซึ่งได้รับการยอมรับมากในสมัยนั้น และสามารถใช้เป็นสกุลเงินสำหรับค้าขายกับต่างประเทศได้เป็นอย่างดี และด้วยเงินถุงแดงนี้เอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (สมเด็จพระปิยะมหาราช ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5) ทรงใช้ในการไถ่บ้านไถ่เมืองจากกองทัพฝรั่งเศส เมื่อครั้งยกกองเรือรบมาปิดล้อมอ่าวไทย และเรียกเงินค่าไถ่ (สินไหมสงคราม

 

เงินถุงแดง ทุนสำรองของแผ่นดิน สายพระเนตรอันกว้างไกลของ รัชกาลที่ 3

 

เนื่องจากมีการสู้รบต่อต้านจากฝ่ายไทย ทำให้ทหารฝรั่งเศสล้มตายเป็นอันมาก) เป็นจำนวนเงินถึง 3 ล้านฟรังก์ และต้องจ่ายภายใน 48 ชั่วโมง ในขณะที่เงินถุงแดงมีจำนวนทั้งสิ้น 2.4 ล้านฟรังก์ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 จึงได้สละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน ได้ช่วยกันขายทรัพย์สินและบริจาคจนได้เงินเพิ่มมาอีก 600,000 ฟรังก์ จนครบ 3 ล้านฟรังก์ จึงสามารถจ่ายค่าไถ่ครั้งนี้ได้ ทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราชมาได้จนถึงทุกวันนี้

 

เงินถุงแดง ทุนสำรองของแผ่นดิน สายพระเนตรอันกว้างไกลของ รัชกาลที่ 3

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.เกร็ดความรู้.net

                           https://www.wataryat.com