หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ยืนยัน บริจาคร่างกายและดวงตา เกิดชาติ ไม่พิการแน่นอน

การบริจาคร่างกายและอวัยวะ เป็นการให้เรียกว่า ทาน คือ การให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เพราะการบริจาคอวัยวะเป็นการเสียสละเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ต้องการให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ และมีความสุข การบริจาคจึงเป็นหลักธรรมที่สำคัญของพุทธศาสนา

การบริจาคร่างกายและอวัยวะ เป็นการให้เรียกว่า ทาน คือ การให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เพราะการบริจาคอวัยวะเป็นการเสียสละเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ต้องการให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ และมีความสุข การบริจาคจึงเป็นหลักธรรมที่สำคัญของพุทธศาสนา โดยเฉพาะในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ ซึ่งเรียกว่า ทานบารมี นั้น การบริจาคอวัยวะเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นเป็นความดีที่จำเป็นต้องทำเลยทีเดียว เพราะการก้าวไปสู่โพธิญาณ ต้องมีความเข้มแข็งของจิตใจในการเสียสละเพื่อความดี 

 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ยืนยัน บริจาคร่างกายและดวงตา เกิดชาติ ไม่พิการแน่นอน

 

สำหรับทานที่เป็นบารมี แบ่งได้เป็น 3 ขั้น

ทานบารมี  ระดับสามัญ คือการบริจาคทรัพย์สินเงินทองของนอกกาย ถึงจะมากมายแค่ไหนก็อยู่ในระดับนี้
ทานอุปบารมี  คือทานบารมีระดับรองหรือจวนสูงสุด ได้แก่ ความเสียสละทำความดีถึงขั้นสามารถบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้
ทานปรมัตถบารมี  คือทานบารมีขึ้นสูงสุด ได้แก่ การบริจาคชีวิต เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือเพื่อรักษาธรรม

จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 4 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง) ได้อธิบายและตอบปัญหาธรรมไว้ว่า

ผู้ถาม : เราจะไม่เกิดอีกแล้ว และเราอุทิศดวงตาให้สภากาชาด แต่ถ้าบางทีเราไม่ถึงซึ่งพระนิพพานและเราต้องมาเกิดอีก อยากทราบว่า ตาเราจะบอดหรือไม่ ?

หลวงพ่อ : บอดแน่ๆ เลย เสร็จ..ไม่มีตาดูน่ะซิ

ผู้ถาม : ก็นั่นนะซิครับ กลัวจังเลยว่าจะไม่มีตาดู

หลวงพ่อ : ต้องตอบว่า ตาจะแจ่มใสดีกว่าตาเดิม เพราะอานิสงส์อุทิศลูกตาเป็นทาน ไม่ใช่ตาบอดนะ

ผู้ถาม : ลูกเคยตั้งใจไว้ว่า การบริจาคดวงตาและร่างกายเมื่อหลังจากตายแล้ว จะได้ประโยชน์ หลวงพ่อว่าดีไหมคะ…?

หลวงพ่อ : บุญน้อยไปให้เมื่อตายแล้ว ต้องให้เมื่อเป็น

ผู้ถาม : ก็ตาบอดซิคะ

หลวงพ่อ : ใส่ตาใหม่ ใส่ตาแก้วมันสวยกว่าตาเก่า ตาใสแจ๋วแต่มองอะไรไม่เห็น อย่างพระพุทธเจ้าสมัยเมื่อเป็นพระเวสสันดรไงล่ะ เขามาขอของภายนอกก็คิดว่า ทำไมไม่ขอดวงหทัย ทำไมไม่ขอดวงตา ทำไมไม่ขอแขนซ้ายแขนขวา ถ้าขอดวงตาเราจะควักให้ ขอแขนซ้ายจะตัดให้ ขอแขนขวาจะตัดให้ เป็นต้น แต่ว่าการตั้งใจแบบนั้นก็เป็นกุศลนะ กุศลย่อมเกิดตั้งแต่เริ่มคิด ตัดสินใจว่าจะให้ เวลาตายไปแล้วก็ได้บุญแน่ แต่สงสัยซิ ไปเกิดใหม่ตาจะโบ๋ เพราะมีคนสงสัยหลายคนมาถาม

 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ยืนยัน บริจาคร่างกายและดวงตา เกิดชาติ ไม่พิการแน่นอน

 

ผู้ถาม : แล้วจริง ๆ โบ๋ไหมครับ

หลวงพ่อ : ไม่โบ๋ เพราะไปเกิดใหม่ ไม่ได้เอาตาดวงเก่าไปด้วย กายเก่าไม่ได้ไป เกิดใหม่ก็อาศัยบุญใหม่ การเกิดนี่ต้องมีบุญนะ คนไม่มีบุญเลยเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้ ต้องมีบุญช่วยให้เกิด แต่ว่าต้องสร้างกายใหม่ ไม่ใช่กายเก่า แต่ว่าตามหลักของการปฏิบัติท่านบอกว่า ถ้าคนเจริญสมาธิจิตอยู่ คือทรงสมาธิเวลาตาย ถ้าจิตออกทางตา ตาทิพย์ จิตออกทางหู หูทิพย์ จิตออกทางปาก ปากทิพย์ จิตออกทางจมูก จมูกทิพย์ ถ้าจิตออกมือ มือทิพย์ ออกทางหน้าท้อง ถ้าท้องทิพย์ละแย่เลย

ผู้ถาม : ทำไมหรือครับ…?

หลวงพ่อ : เลี้ยงไม่อิ่มนะซิ

ผู้ถาม : อ๋อ (หัวเราะ)

หลวงพ่อ : "คำว่า ทิพย์ หมายความว่าเกิดประโยชน์แก่สายนั้น ตาดี อาจจะได้ทิพจักขุญาณ หรือว่าเป็นคนที่มีหูดีไวเป็นพิเศษ แก่เฒ่ามากแล้วคนอื่นเขาหูตึง เราก็ไม่ตึงไม่พร่า ปากดี พูดแล้วคนอื่นชอบฟัง เกิดประโยชน์จากปาก อย่างนี้เป็นต้น

ผู้ถาม : แล้วที่บอกว่ากายทิพย์ออกจากร่าง ความจริงออกทางไหนครับ

หลวงพ่อ : ที่เขาฝึกเอากายออกไปใช่ไหม

ผู้ถาม :- ครับ

หลวงพ่อ : ไม่ต้องหาช่องละนั่นไปเลย เวลาออกแบบนั้น ก็เหมือนกับเข้านั่นแหละ เข้าไม่เลือกช่อง ออกก็ไม่เลือกช่อง เพราะเป็นนามธรรม อย่างกลางคืนเรานอนอยู่ห้องแคบ ๆ ถ้าผีมาหรือเทวดามาตั้งพัน เราก็เห็นได้ แต่ไม่มีห้องกั้น เพราะว่าสภาพเป็นทิพย์

ผู้ถาม : ทีนี้ก็มีคนคนหนึ่งได้ทำพินัยกรรมไว้ว่า ถ้าตายแล้ว ขออุทิศศพให้โรงพยาบาล ทีนี้ลูกหลานก็ไม่สบายใจ เพราะถ้าอุทิศให้โรงพยาบาลแล้ว กลัวพ่อจะไม่ไปผุดไปเกิดเพราะไม่ได้เผาศพ หลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ

หลวงพ่อ : ความจริงถ้าฉันเป็นลูกเป็นหลานฉันจะดีใจมาก ไม่ต้องเปลืองเงินทำศพ มีผลเท่ากันนะ พอตายลงไปปั๊บ ไอ้จิตนี่มันก็ไปตามสภาพตามกฎของกรรมอยู่แล้ว มันไม่อยู่หรอก มันไม่มานั่งห่วงซากศพ ไอ้ที่ว่านั่นห่วงซากศพน่ะไม่จริง

ผู้ถาม : เวลาคนตายไปแล้วใหม่ๆ กี่วันถึงจะรู้ว่าตายครับ

หลวงพ่อ : เอาตัวรู้หรือว่าใจรู้ ถามให้ถูก แต่ความจริงนะ ถ้าตายเดี๋ยวนั้นก็รู้เดี๋ยวนั้น ไม่ใช่กี่วัน ฉันเคยตายหลายวาระฉันรู้ ไม่ต้องไปถามชาวบ้านที่ไหนหรอก พอมันออกจากร่างปั๊บ ก็เห็นร่างกายเนื้อนอนอยู่แล้ว อารมณ์จิตนึกรังเกียจทันที ไม่ใช่พอใจ ไม่ใช่เสียดายนะ แต่รังเกียจไอ้ตัวนั้น ฉะนั้นไอ้เรื่องตายแล้วจะเผาหรือไม่เผา ไม่ต้องวิตกกังวล จิตใจเป็นไปตามสภาพของมันอยู่แล้ว ถ้าฉันเป็นลูกเป็นหลาน ฉันยุส่งเลย เอาไปให้เขาเถอะ ตายปุ๊บเราก็ยกไปโรงพยาบาล ไม่ต้องนิมนต์พระมาบังสกุลด้วย

 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ยืนยัน บริจาคร่างกายและดวงตา เกิดชาติ ไม่พิการแน่นอน

 

การบริจาคอวัยวะนั้นที่ใครหลายคนคิดว่า หากบริจาคไปแล้วจะทำให้ชาติหน้าเกิดมากลายเป็นคนพิการนั้น เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเลย เพราะการได้บริจาคอะไรก็ตาม ก็จะมีจิตใจยินดีเบิกบาน คิดถึงความสุข ความดีงาม ความเจริญ ซึ่งการบริจาคอวัยวะนี้ สามารถบริจาคได้ที่ ศูนย์บริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โทร. 1666  หรือ ข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซด์ www.organdonate.in.th  ส่วนการบริจาคดวงตานั้น ติดต่อได้ที่ ศูนย์สภากาชาดไทย ชั้น ๗ อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร(เจริญ สฺวฑฒโน) โทร. 02-252-8131-9, 02-252-8181-9 ต่อศูนย์ดวงตา ตลอด 24 ชั่วโมง หรือรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซด์ www.eyebankthai.com

 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ยืนยัน บริจาคร่างกายและดวงตา เกิดชาติ ไม่พิการแน่นอน

 

ข้อกำหนดในการบริจาคอวัยวะ ผู้บริจาคอวัยวะต้องมีอายุไม่เกิน60 ปี เสียชีวิตจากภาวะสมองตายด้วยสาเหตุต่างๆ ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสเอดส์ ฯลฯ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://palungjit.org 

จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง)

http://www.bokboontoday.com