ตำราในสมัย ร.4 ยืนยันเรื่อง กลับชาติมาเกิด

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ของปี 2560 ที่ผ่านมา เพจเฟสบุ๊คสาธารณะชื่อว่า คลังพุทธศาสนา ได้นำเสนอบทความหนึ่งซึ่งต้องถือว่าเป็นบทความที่มีคุณค่ามาก แต่คนให้ความสนใจน้อยกว่าที่เป็น ซึ่งเล่าถึง หนังสือเล่มหนึ่ง ในสมัย รัชกาลที่ 4 ที่พูดถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิดได้อย่างมีเหตุ และผลมากที่สุด โดยเนื้อหาใจความมีดังต่อไปนี้...

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ของปี 2560 ที่ผ่านมา เพจเฟสบุ๊คสาธารณะชื่อว่า คลังพุทธศาสนา ได้นำเสนอบทความหนึ่งซึ่งต้องถือว่าเป็นบทความที่มีคุณค่ามาก แต่คนให้ความสนใจน้อยกว่าที่เป็น ซึ่งเล่าถึง หนังสือเล่มหนึ่ง ในสมัย รัชกาลที่ 4 ที่พูดถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิดได้อย่างมีเหตุ และผลมากที่สุด โดยเนื้อหาใจความมีดังต่อไปนี้...

 

ตำราในสมัย ร.4 ยืนยันเรื่อง กลับชาติมาเกิด

 

หนังสือแสดงกิจจานุกิจ แต่งโดยเจ้าพระยาทิพากรวงษ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) เมื่อปี พ.ศ. 2408 พยายามอธิบายพุทธศาสนาอย่างเป็นเหตุเป็นผลตามหลักเหตุผลและมีกลิ่นอายของปรัชญาสมัยใหม่ เล่มแรกของไทย ในหนังสือเล่มนี้ยังเรื่องกลับชาติมาเกิดตามคำสอนของศาสนาพุทธเอาไว้บางเรื่อง เพื่อค้านแนวคิดเรื่องพระเจ้าสร้างมนุษย์ของบาทหลวงชาวตะวันตก เรื่องที่ท่านผู้แต่งยกตัวอย่างมีดังนี้

- มีเด็กหญิงคนหนึ่ง เกิดขึ้นที่เมืองพนัศนิคม ครั้นอายุนั้นเจริญมาจนสอนพูดได้ แล้วก็บอกผู้ใหญ่ว่าเดิมตัวเปนช้างชื่อพังตุ้ม ช้างนั้นล้มแล้วจึ่งมาเกิดเปนมนุษย ก็ผู้ใหญ่สงไสยว่าเด็กนั้นจะพูดเล่น จึ่งถามว่าเองตายที่ไหนเล่าจำที่ได้ฤๅไม่ เด็กนั้นก็บอกว่าจำได้ ผู้ใหญ่ก็ให้เด็กนั้นนำไปชี้ที่ตายของพังตุ้ม เด็กก็นำไปชี้ให้ถูก ผู้ใหญ่ก็เหนเปนความจริง จึ่งให้ชื่อเด็กนั้นว่าอี่ตุ้ม

 

ตำราในสมัย ร.4 ยืนยันเรื่อง กลับชาติมาเกิด

 

- ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง มีหญิงคนหนึ่งคลอดบุตรออกมาตายรํ่าไป บิดามารดาเหนประหลาดจำแผลที่หน้าใด้ทุกครั้ง ก็เข้าใจว่าเด็กคนนั้นแลมาเกิดอีก จึ่งเอาเขม่าม่อหมายน่าหมายตัวทารกนั้น แล้วก็เอาไปฝังเสีย ครั้นภายหลังมีครรภลูกคลอดบุตรออกมาอีกก็เหนปานดำที่หมายทารกนั้น ตรงกันกับที่หมายเขม่าม่อไว้แต่เดิม ครั้นทารกนั้นตาย บิดามารดาก็หมายที่อื่นไว้เปนสำคัญอีก ครั้นภายหลังมาเกิดอีก คลอดออกมาก็เหนที่หมายไว้อีก การเปนดั่งนี้ก็เหนเปนความประหลาดอย่างหนึ่ง

- ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง หญิงนั้นคลอดบุตรออกมาเปนหญิง ทั้งมือทั้งท้าวข้างละหกนิ้วเปนยี่สิบสี่นิ้ว นิ้วนั้นเรียงกันเหมือนมือแลท้าวคนปรกติ ครั้นทารกนั้นได้สักเจ๊ดเดือนแปดเดือน หญิงนั้นนอนให้บุตรกินนม จุดเทียนไว้ริมเบาะ ครั้นหลับไปเทียนนั้นหมดเข้า ก็พลัดตกมาถูกเบาะ ๆ ก็ไหม้ขึ้น ทารกนั้นร้องจนสิ้นเสียง หญิงมารดานั้นก็ไม่ตื่น จนเบาะนั้นไหม้ไปถึงตัวมารดาร้อนเข้า จึ่งตื่นขึ้นมาเหนบุตรตาย แล้วบิดามารดาก็เอาทารกนั้นไปฝังเสีย อยู่มาไม่ช้าไม่นาน หญิงมารดาทารกนั้นก็มีครรภลูกขึ้นมาอีก ครั้นถึงกำหนดคลอดก็คลอดบุตรออกมาเปนหญิง มือแลเท้าข้างละหกนิ้วเหมือนแต่ก่อนไม่ผิดกันเลย แต่คลอดครั้งหลังนี้ มารดาก็ตายบุตรก็ตาย

- ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง บุตรแขกตานีคลอดออกมาเปนชาย มีท้าวด้วนข้างหนึ่ง พลิกฝ่าท้าวหงายขึ้นมาแต่ที่ต้นขาแลข้อท้าว มีด้ายคาดรัดออกมาด้วย หมอตำแยก็ตัดออกเสีย ทารกนั้นเจริญขึ้นที่รอยด้ายคาดนั้น ก็คอดกิ่วอยู่จนโตเขาเรียกชื่อว่าอ้ายฅอมิ

 

ตำราในสมัย ร.4 ยืนยันเรื่อง กลับชาติมาเกิด