นายอุบล เล่าต่อว่า หลังจากที่ขายรถยนต์กระบะคันดังกล่าวให้กับพ่อค้าขายของเก่าไปแล้ว ต่อมามีผู้ชายอายุประมาณ 30 ปี เดินทางมาหาตนที่บ้าน เพื่อขอให้ช่วยหาชิ้นส่วนและเอกสารที่เกี่ยวกับรถยนต์กระบะที่ตนซื้อมา โดยบอกกับตนว่า เพื่อนของเขาถูกจำคุกในข้อหาขับรถชนคนตาย ตนได้บอกกับชายคนดังกล่าวว่า รถได้ขายให้พ่อค้ารับซื้อของเก่าไปแล้ว และไม่ทราบว่าผู้ชายคนดังกล่าวเป็นใครมาจากไหน ซึ่งชายคนนั้นได้ขอเบอร์โทรศัพย์ตนไว้และโทรมาขอให้ช่วยอยู่หลายครั้ง ซึ่งตนก็ปฏิเสธเพราะไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับรถหลงเหลืออยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าซื้อรถมาเมื่อไหร่ นายอุบลยืนยันว่าซื้อมาเมื่อปลายปี 2547 แน่นอน โดยมีนายประเศียรเป็นคนพาไปซื้อรถเป็นพยานได้ หลังจากที่ได้รถมา ตนก็ใช้ขับขี่ไปมาระหว่างหมู่บ้านกับไร่นามาโดยตลอด ไม่เคยมีใครมายืมไปใช้งาน และไม่เคยขับไปที่ จ.นครพนม อย่างแน่นอน เพราะรถมีสภาพเก่ามาก ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่รถคันนี้จะไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยานที่ จ.นครพนม และนับตั้งแต่วันซื้อรถ ตนก็ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้านายสับ วาปี รู้เพียงแค่ชื่อที่อยู่ในทะเบียนรถเท่านั้น และมาได้ยินชื่อนี้อีกครั้งตอนที่คดีของครูจอมทรัพย์เป็นข่าวทางโทรทัศน์
"มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามถึงรายละเอียดของรถคันนี้ ผมก็ยืนยันว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่รถคันนี้จะไปขับชนคนตาย ผมซื้อรถมาเมื่อปลายปี 2547 แต่อุบัติเหตุรถชนจักรยานที่ จ.นครพนม เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548 และมีคนบอกว่า เห็นรถยนต์กระบะ ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ขับไปชนคนตาย มันเป็นไปไม่ได้ และยิ่งมีคนมารับสารภาพว่าขับรถคันนี้ไปชนคนตาย มันยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะรถมันอยู่กับผมตั้งแต่ไปซื้อมาเมื่อปลายปี 2547" นายอุบล กล่าว