ตามหากันจ้าละหวั่น! เมื่อหลวงปู่มั่นทำสิ่งล้ำค่าหายในป่า ออกอุบายธรรมให้ชาวเผ่ามูเซอร์ช่วยกันหา ในที่สุดก็มีคนพบอย่างน่าอัศจรรย์!

ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

"ตามหาพุทโธ"

สมัยหนึ่งหลวงปู่มั่นกับหลวงปู่เทศ์นได้ไปปฏิบัติธรรมอยู่แถวดอยมูเซอร์ เป็นที่แปลกประหลาดของชาวเขาเผ่ามูเซอร์เป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยเห็นพระกรรมฐาน ชาวเขามาสังเกตุการปฏิบัติธรรมของท่าน ในจำนวนคนที่มามีคนหนึ่งถามขึ้นว่า "ตุ๊เจ้านั่งหลับตานิ่งๆ และเดินกลับไปกลับมานั้นตุ๊เจ้านิ่งและเดินหาอะไร"

ท่านตอบเขาว่า " พุทโธเราหาย เรานั่งและเดินตามหาพุทโธ"
เขาถามว่า "พุธโธเป็นตัวอย่างไร" พวกเราจะช่วยตุ๊เจ้าหาได้มั้ย"
ท่านตอบว่า "พุทโธ เป็นดวงแก้วอันประเสริฐเลิศโลกในไตรภพเป็นดวงฉลาดรอบรู้ทั่วไตรโลกธาตุ ถ้าสูจะช่วยเราหาก็ยิ่งดีมาก จะได้เห็นพุทธโธ เร็วๆง่ายๆ ด้วย"
เขาถามว่า "พุทโธหายมานานแล้วหรือ"
ท่านตอบว่า "ไม่นาน" ถ้าสูหาให้ยิ่งจะได้พบเร็วกว่าเราหาเพียงคนเดียว"

เขาถามว่าพุทโธ "เป็นดวงแก้วใหญ่มั้ย"
ท่านตอบว่า "ไม่ใหญ่ไม่เล็ก พอดีกับเราและพวกสูดีๆนี้เอง ใครหาพุทธโธพบผู้นั้นประเสริฐ มองเห็นอะไรได้ตามใจหวัง"
เขาถามว่า "มองเห็นนรกสวรรค์ได้มั้ยตุ๊เจ้า"
ท่านตอบว้่่า "มองเห็นซิ ไม่เห็นจะว่าประเสริฐได้อย่างไร"
“ลูกเมียผัวตายมองเห็นได้มั้ยตุ๊เจ้า"
ท่านตอบว่า "เห็นหมด ถ้าต้องการอยากเห็นเมื่อได้พุทโธแล้ว"
เขาถาม "สว่างมากไหม"
ท่านว่า "สว่างมาก ยิ่งกว่าพระอาทิตย์ตั้งร้อยดวงพันดวง เพราะพระอาทิตย์ไม่สามารถส่องเห็นนรกสวรรค์ได้ แต่ดวงพุทธโธสามารถส่องเห็นหมด"
เขาถาม "ผู้หญิงและเด็กๆช่วยหาได้มั้ย”
ท่านตอบ "ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าหญิงหรือชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ ใครหาก็ได้ทั้งนั้น"
เขาถาม "พุทโธนั้นประเสริฐทางใดบ้าง กันผีได้มั้ย
ท่านตอบ " พุทโธประเสริฐ และใช้ได้หลายทางจนนับไม่ถ้วนในโลกทั้งสาม คือกามโลก รูปโลก อรูปโลก โลกทั้งสามต้องยอมกราบพุทธโธทั้งนั้น ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าพุทธโธ ผีก็กลัวพุทโธมาก ต้องกราบพุทโธ ใครหาพุทธโธแม้ไม่พบ ผีก็เริ่มกลัวผู้นั้นแล้ว"
เขาถาม "พุทโธ เป็นแก้วสีอะไร ตุ๊เจ้า"
ท่านตอบ  "พุทโธเป็นแก้วดวงสว่างไสว มีหลายสีจนนับไม่ได้ พุทธโธนี้เป็นสมบัติอันวิเศษของพระพุทธเจ้า พุทธโธนั้นเป็นองค์แห่งความรู้ ความสว่างไสว ไม่มีวัตถุ พระพุทธเจ้ามอบไว้ให้พวกเราไว้หลายปีแล้ว แต่เรายังหาพุทธโธที่ท่านมอบให้ยังไม่เจอ ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน แต่จะอยู่ไหนไม่สำคัญนัก ที่สำคัญถ้าสูจะพากันช่วยเราหาพุทธโธจริงๆ ให้พากันนั่งหรือเดินนึกในใจว่าพุทธโธๆ อยู่ภายในโดยเฉพาะ ไม่ให้จิตส่งออกไปนอกกาย ให้รู้อยู่กับคำว่าพุทโธ ถ้าทำอย่างนี้ พวกสูเจ้าจะเจอพุทธโธก่อนเราก็ได้
เขาถาม การนั่งหรือเดินหาพุทโธ จะให้นั่งหรือเดินนานเท่าใด ถึงจะพบพุทโธ แล้วหยุดได้
ท่านตอบ ให้นั่งหรือเดินเพียง 15 หรือ 20 นาทีก่อน สำหรับผู้ที่ตามหาพุทธโธทีแรก พุทธโธท่านยังไม่อยากให้เราตามหาท่านนานนักกลัวจะเหนื่อยแล้วตามพุทโธไม่ทัน เดี๋ยวจะขี้เกียจเสียก่อน ทีหลังจะไม่อยากตามหา ท่านเลยจะไม่พบ ท่านเอาเพียงเท่านี้ก่อน ถ้าอธิบายมากกว่านี้ จะจำวิธีไม่ได้ แล้วตามหาพุทธโธไม่พบ"

 

เสร็จแล้วพวกเขาก็พากันกลับบ้าน พอถึงบ้านชาวบ้านก็มารุมถามกันใหญ่ พวกเขาบอกว่าตุ๊เจ้าไม่ได้เป็นเสือเย็นอย่างที่พวกเราคิด การที่ท่านนั่งหลับตาและเดินไปเดินมาท่านตามหาพุทธโธดวงเลิศต่างหาก

ชาวบ้านทราบวิธีตามหาพุทธโธแล้วนำไปเล่าสู่กันฟัง ต่างสนใจพากันฝึกหัดนึกพุทธโธภายในใจโดยทั่วกัน นับตั้งแต่หัวหน้าบ้าน ลงมาถึงผู้หญง และเด็กๆ ที่พอจะรู้วิธีนึกพุทธโธได้

ตามหากันจ้าละหวั่น! เมื่อหลวงปู่มั่นทำสิ่งล้ำค่าหายในป่า ออกอุบายธรรมให้ชาวเผ่ามูเซอร์ช่วยกันหา ในที่สุดก็มีคนพบอย่างน่าอัศจรรย์!

...ชาวเขาตามหาพุทโธเจอ
......เป็นที่อัศจรรย์ไม่คาดฝัน ว่าจะมีผู้รู้เห็นธรรมของพระพุทธเจ้าภายในใจอย่างประจักษ์โดยไม่นานนัก คือชายคนหนึ่งคือโยมติเป็นคนเผ่ามูเซอ ซึ่งตามหาพุทโธแล้วประสบธรรม คือสงบสุขทางใจจากการบริกรรมพุทโธตามที่ท่านบอกเขา
หลวงปู่เล่าว่า ก่อนหน้า 3-4 วัน ที่เขาจะประสบผลจากพุทโธเขานอนหลับฝันถึงองค์ท่านเอาเทียนเล่มใหญ่ที่จุดไฟอย่างสว่างไสว แล้วไปติดไว้บนศรีษะของเขา

 

พอท่านติดเทียนเสร็จปรากฎว่าสว่างไสวไปโดยตลอด เขาดีใจมากว่าตนได้ของดีมีความสว่างไสวแผ่ออกนอกกายตั้งหลายๆวา

วันต่อมาเขานำเรื่องราวมาเล่าให้ท่านฟังอย่างน่าอัศจรรย์ ท่านได้อธิบายแนะนำให้เขาทำต่อไป
ปรากฎว่าได้ผลอย่างรวดเร็วและยังสามารถรู้ใจของผู้อื่นได้อีกด้วย ว่าใจใครยังเศร้าหมองและผ่องใสเพียงใด
เขาพูดกับท่านอย่างไม่สะทกสท้านเลย ซึ่งตรงกับจริตของคนป่าที่มีนิสัยพูดตรงไปตรงมาอยู่แล้ว

 

ในเวลาต่อมาเขาออกมาเล่าธรรมให้ท่านฟังว่า เขาได้พิจารณารู้เห็นจิตท่านอาจารย์และพระที่อยู่กับท่านได้อย่างชัดเจน
ท่านเลยถามเขาเป็นเชิงเล่นๆว่า "จิตของท่านเป็นอย่างไรมีบาปมากไหม"
เขาตอบว่า "จิตตุ๊เจ้าไม่มีจุดดวงเหลืออยู่แล้ว มีแต่ความสว่างไสวอันเป็นที่อัศจรรย์อย่างยิ่งอยู่ภายในเท่านั้น ตุ๊เจ้าเป้นผู้ประเสริฐสุดในโลกไม่มีใครเสมอเหมือน เราไม่เคยเห็น
ตุ๊เจ้ามาพักที่นี้นานร่วมปีแล้ว ทำไมไม่สอนเฮาบ้างก๊าแต่แรกมาอยู่
ท่านตอบว่า "จะให้เราสอนอย่างไร ก็ไม่เคยเห็นพวกสูมาศึกษาไต่ถามเรานี่นา
เขาตอบว่า "ก็เฮาบ่ฮู้ก๊า ว่าตุ๊เจ้าเป็นผู้วิเศษ ถ้าฮู้จะทนอยู่ได้อย่างไร ต้องมาแน่ๆ ที่นี่พวกเฮารู้แล้วว่าเป็นผู้ฉลาดมาก

ตามหากันจ้าละหวั่น! เมื่อหลวงปู่มั่นทำสิ่งล้ำค่าหายในป่า ออกอุบายธรรมให้ชาวเผ่ามูเซอร์ช่วยกันหา ในที่สุดก็มีคนพบอย่างน่าอัศจรรย์!

ตุ๊เจ้ามาพักที่นี้นานร่วมปีแล้ว ทำไมไม่สอนเฮาบ้างก๊าแต่แรกมาอยู่
ท่านตอบว่า "จะให้เราสอนอย่างไร ก็ไม่เคยเห็นพวกสูมาศึกษาไต่ถามเรานี่นา
เขาตอบว่า "ก็เฮาบ่ฮู้ก๊า ว่าตุ๊เจ้าเป็นผู้วิเศษ ถ้าฮู้จะทนอยู่ได้อย่างไร ต้องมาแน่ๆ ที่นี่พวกเฮารู้แล้วว่าเป็นผู้ฉลาดมาก

 

เวลาพวกเรามาถามว่าตุ๊เจ้านั่งหลับตานิ่งๆแล้วเดินกลับไปกลับมานั้น...ทำทำไมหรือหาอะไร
ตุ๊เจ้าก็บอกก็บอกพวกเราว่าพุทโธหายไป ให้พวกเราช่วยหา เมื่อถามถึงพุทโธมีลักษณะอย่างไร ก็บอกว่าเป็นดวงแก้วสว่างไสว ความจริงตุ๊เจ้าเป็นพุทโธอยู่แล้ว มิได้สูญหายไปไหน แต่เป็นอุบายอันฉลาดของตุ๊เจ้าที่เมตตาสงสารพวกเฮา ให้ภาวนาพุทโธเพื่อให้จิตของพวกเราสว่างไสวเหมือนตุ๊เจ้าต่างหาก
 

เฮาฮู้อยู่แล้วว่าตุ๊เจ้าเป็นผู้ประเสริฐและเฉลียวฉลาดปราถนาให้พวกเฮาได้บุญ มีความสุข และพบพุทโธดวงประเสริฐที่ใจตัวเอง มิใช่หาพุทโธให้ตุ๊เจ้า"
นับแต่เขาได้เห็นธรรมภายในใจเพียงคนเดียวเท่านั้น เรื่องก็กระจายไปทั่วหมู่บ้านในไม่ช้า คนในหมู่บ้านก็เกิดความสนใจ และพากันภาวนาพุทโธไปตามๆ กัน และศรัทธาเลื่อมใสในตัวท่านมาก
 

ตามหากันจ้าละหวั่น! เมื่อหลวงปู่มั่นทำสิ่งล้ำค่าหายในป่า ออกอุบายธรรมให้ชาวเผ่ามูเซอร์ช่วยกันหา ในที่สุดก็มีคนพบอย่างน่าอัศจรรย์!

เรื่องเสือเย็นก็เลยหายซากไป ไม่มีใครกล่าวถึง นับแต่นั้นมาเวลาท่านกลับจากบิณฑบาต
คนที่ภาวนาเป็นต้องตามส่งบาตรท่าน และศึกษาธรรมกับท่านทุกวัน ถ้าวันไหนติดธุระก็จะให้คนอื่นทำแทน ในหมู่บ้านนั้นมีคนภาวนาเป็นหลายคนที่เก่งกว่าเพื่อนก็คือเขาเป็นก่อนนั้นเอง

คลิกอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : วินาทีละสังขารของหลวงปู่มั่น

คลิกอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : หลวงปู่มั่นเทศน์วิญญาณ2พี่น้อง9วัน9คืน

----------------------------------------------------

จากหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ภูริฑัตโต เขียนโดยหลวงตามหาบัว

ข่าว : ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)