จ่อ"สนทนาธรรม"ขึ้นบัญชีดำ 400 วัด พัวพัน"กินเงินทอน" กำจัดเห็บเหา "บิ๊กพศ."มือถือสากปากถือศีล!!!

จ่อ"สนทนาธรรม"ขึ้นบัญชีดำ 400 วัด พัวพัน"กินเงินทอน" กำจัดเห็บเหา "บิ๊กพศ."มือถือสากปากถือศีล!!!

           ความโลภคือรากของความชั่วร้าย

           อิมามอะลี(อ.) กล่าวว่า "ความโลภคือกุญแจไปสู่ปัญหา และนำมนุษย์ไปสู่ความยากลำบาก เป็นสาเหตุให้เขาต้องทำความผิดบาป"

ดูเหมือนจะกลายเป็นมหากาพย์เสียแล้ว สำหรับปมฉาววงการพระพุทธศาสนากับพฤติกรรม "มือถือสากปากถือศีล" ที่นำทีมโดย "อดีตผอ.สำนักพุทธ"  ซึ่งมักปรากฏภาพการร่วมบุญสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกับวัดดังย่านจ.ปทุมฯ ก็แปลได้ว่า น่าจะรู้จักเรื่องบาปบุญคุณโทษเป็นอย่างดี

ย้ำกันอีกที  !!สำหรับ วิธีการโกงเงินหักหัวคิว หรือเงินทอน ..

เจ้าหน้าที่ของพศ. ทำการติดต่อไปยังวัดเสนอข้อตกลง"งบอุดหนุน" (ส่วนนี้เป็นงบอุดหนุนที่จ่ายให้กับวัดใน 3 กรณี คือ 1.เพื่อไปปฏิบัติบูรณะซ่อมแซม 2.เพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรม และ 3.เพื่อการเผยแผ่ ดำเนินกิจกรรมทางศาสนา ) โดยจะแบ่งให้วัดเพียง25%ของจำนวนเงินทั้งหมด จากนั้นวัดส่งเรื่องขอ"งบอุดหนุน" ไปยังจังหวัดรวบร่วมต่อให้ทางพศ. เมื่อพิจารณาอนุมัติเรียบร้อย พศ.จะโอนเงินให้กับวัด 100% เต็มๆ จากนั้นวัดจะเก็บเงินไว้เพียง25% และอีก75% เป็น"เงินทอน" ที่วัดจะต้องโอนคืน ให้กับ"ขบวนการหักหัวคิว"

ซึ่งอำนาจการจัดสรรงบเป็นของหัวหน้าส่วนราชการผู้ถืองบฯ แต่ พศ.ไม่ใช่กรม และไม่ใช่กระทรวง ดังนั้น ผอ.พศ.จึงทำหน้าที่หัวหน้าส่วนราชการ โดยหลักการจะจัดสรรตามความจำเป็น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ต.อ.จักษ์ เพ็งสาธร รอง ผบก.ปปป. เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นสำนวนตรวจสอบกรณีทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดให้กับ ป.ป.ช. เพิ่มเติมอีก 5 คดี ประกอบด้วยสำนวนคดีใน จ.อำนาจเจริญ 3 คดี จ.พระนครศรีอยุธยา 1 คดี และ จ.ลำพูน 1 คดี จำนวน 6 แฟ้มเอกสาร หลังจากเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ได้ยื่นให้ ปปช. ไปแล้ว 7 คดี

                พ.ต.อ.จักษ์ เปิดเผยว่า บก.ปปป. ได้รวบรวามพยานหลักฐานการทุจริตเงินบูรณปฏิสังขรณ์วัดให้ ป.ป.ช. ไปแล้ว 12 คดี จากที่มีการตรวจสอบวัด 30 แห่งทั่วประเทศ และเตรียมจะตรวจสอบวัดที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยอีก 400 แห่ง ดังนั้นถ้าประชาชนมีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม ขอให้ส่งมาให้ บก.ปปป. เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทันที และในวันที่ 20-23 มิถุนายน คณะทำงานของ บก.ปปป. จะลงพื้นที่ติดตามสอบสวนขยายผลในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

                ส่วนการดำเนินการกับกลุ่มผู้กระทำความผิดนั้น ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้ง 9 ราย แต่ยังมี 4 ราย ที่ยังไม่ยอมมารับข้อกล่าวหา เป็นอดีตข้าราชการระดับสูง 1 คน และพลเรือน 3 คน ในฐานความผิดทุจริตยักยอกเงินราชการ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 147 และ 157 ซึ่งมั่นใจ 100% ว่า พยานหลักฐานในสำนวนคดีแน่นหนาและชัดเจนเพียงพอที่ ป.ป.ช. จะสามารถพิจารณาตั้งคณะกรรมการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาได้ทันที

 อย่างไรก็ตาม ในยุคของการปฏิรูปเพื่อนำไปสู "ไทยแลนด์ 4.0" นั้น

 เรื่องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ. 2505, กฎกระทรวงปี 2511, กฎมหาเถรสมาคม ระเบียบ คำสั่งต่างๆ ให้ทันสมัยบังคับใช้ได้จริง อาทิ การกำหนดให้สำนักงานพระพุทธศาสนามีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินวัด และรายงานผลการตรวจสอบให้ มส. นายกรัฐมนตรี และสาธารณชนรับทราบ หากการตรวจสอบพบว่ามีความไม่โปร่งใสให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด จากเดิมที่เพียงให้วัดแค่ส่งบัญชีทรัพย์สินมาให้สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเก็บไว้เท่านั้น แต่ไม่เคยตรวจสอบและไม่เคยมีบทลงโทษ

ได้แต่หวังว่าการสร้างบรรทัดฐานความโปร่งใสเรื่องผลประโยชน์มหาศาลภายในวัดจะเกิดขึ้นจริง ในยุค"รัฐบาลลุงตู่"  โดยก่อนจะไปถึงขัดนั้น ก่อนอื่นคงต้องหาวิธีกำจัดเห็บเหาให้สิ้นซาก