เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโอไมครอนBA.2.75รายเเรกที่ตรัง เป็นชายไทยอายุ53ปี

เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโอไมครอนBA.2.75รายเเรกในประเทศไทย เผยเป็นชายไทยอายุ53ปี องค์การอนามัยโลกจัด อยู่ในกลุ่มสายพันธ์ที่น่ากังวล

   กรณีประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอน สายพันธุ์ BA.2.75 เป็นรายเเรกที่จังหวัดตรัง ล่าสุดทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันเป็นเรื่องจริง พร้อม เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโอไมครอนBA.2.75 ด้านเรื่องความรุนแรงการแพร่เร็วของเชื้อสายพันธุ์ย่อยนี้ยังไม่มีข้อมูล เบื้องต้นพบตำแหน่งกลายพันธุ์ที่อาจหลบภูมิคุ้มกัน ย้ำการฉีดวัคซีนช่วยลดความรุนแรงของเชื้อได้


 โดย วันที่ 20 ก.ค.65 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยข้อเท็จจริงถึงกรณีประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ BA.2.75 ว่า ผู้ติดเชื้อBA.2.75เป็นชาวไทยอายุ 53 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดตรัง เปิดไทม์ไลน์ชายไทยวัย53 ติดเชื้อBA.2.75  ได้เดินทางไปประชุมที่ภูเก็ต ที่มีชาวต่างชาติร่วมประชุมด้วย จากนั้นมีอาการและได้ตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด

เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโอไมครอนBA.2.75รายเเรกที่ตรัง เป็นชายไทยอายุ53ปี

  จากนั้นได้ตรวจโควิด ยืนยันด้วย RT-PCR พบติดเชื้อ และโรงพยาบาลได้ส่งตัวอย่างมาตรวจสายพันธุ์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับตัวอย่างส่งต่อจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง เพื่อยืนยันสายพันธุ์ด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม พบเป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75  

เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโอไมครอนBA.2.75รายเเรกที่ตรัง เป็นชายไทยอายุ53ปี

   กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงนำส่งข้อมูลเพื่อเผยแพร่บนฐานข้อมูลสากล GISAID เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 และ GISAID ได้ตรวจสอบและประกาศขึ้นระบบเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 

   เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโอไมครอนBA.2.75รายเเรกที่ตรัง เป็นชายไทยอายุ53ปี
 สายพันธุ์ BA.2.75 พบครั้งแรกที่ต่างประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 แต่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในอินเดีย ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุดฐานข้อมูล GISAD มีรายงานตรวจพบจากทั่วโลกแล้ว จำนวน 359 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2565)


   นพ.ศุภกิจ กล่าวต่ออีกว่า โควิดโอไมครอนBA.2.75 เบื้องต้นพบมีการกลายพันธุ์บน spike protein หลายตำแหน่งที่ต่างจากสายพันธุ์ย่อย BA.2 โดยสองตำแหน่งสำคัญ ได้แก่ ตำแหน่งกลายพันธุ์ G446S อาจทำให้เกิดการหลบภูมิคุ้มกัน ที่สร้างขึ้นภายหลังการติดโรคโควิด 19 หรือจากการฉีดวัคซีน ทำให้โอกาสการติดเชื้อซ้ำจากไวรัสโควิด 19 กลายพันธุ์เพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น และการกลายพันธุ์ตำแหน่ง R493Q ทำให้ไวรัสจับกับเซลล์มนุษย์และรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการแพร่กระจาย


 อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกจัด BA.2.75 อยู่ในกลุ่มสายพันธ์ที่น่ากังวลที่ต้องจับตาดู (VOC-LUM) ขณะความเร็วในการแพร่เชื้อและความรุนแรงยังไม่มีข้อมูลที่มากพอจึงยังไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป


 ทกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกระทรวงสาธารณสุข เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการรายงานผลการตรวจเฝ้าระวังสายพันธุ์ขึ้นระบบฐานข้อมูลกลาง GISAID อย่างสม่ำเสมอ และขอเน้นย้ำการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันสูงมากพอ ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ รวมถึงมาตรการการป้องกันตนเองที่เหมาะสม เช่น การสวมหน้ากาก การล้างมือ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และหลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงที่จะรับหรือแพร่เชื้อ

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline