2มหามงคล!!! 5ธันวาคมที่จะลบจากแผ่นดินไทยไม่ได้ “เปลว สีเงิน”เปิดพระจริยวัตรพระสังฆราชองค์ที่20ผู้เป็นเนื้อนาบุญประเสริฐ ขอกราบด้วยเศียรเกล้า

แผ่นดินธรรม-แผ่นดินไทย

 

 

       ลุถึงอังคารที่ ๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตรงกับวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือนสาม ปีวอก ในแผ่นดิน รัชกาลที่ ๑๐ มีประกาศสำคัญ เป็นมงคลแผ่นดิน ๒ เรื่อง ดังนี้..........

 

ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

เรื่อง กำหนดวันสำคัญของชาติไทย

ตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ยังความเศร้าสลดอย่างยิ่งใหญ่มาสู่พสกนิกรชาวไทย และด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานต่อประเทศชาติและประชาชนเสมอมา ปวงชนชาวไทยทั้งปวงจึงน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และตระหนักถึงความสำคัญของวันที่ ๕ ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

จึงมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กำหนดว่า วันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญของชาติไทย ดังนี้

๑.เป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

๒.เป็นวันชาติ

๓.เป็นวันพ่อแห่งชาติ

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐

ประกาศ ณ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐

ผู้รับสนองพระราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี

มงคลแผ่นดินสำคัญ ที่ ๒ ดังนี้ .........

 

แถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี

เรื่อง การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช

ตามที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นเหตุให้ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง

บัดนี้ มีพระราชโองการโปรดสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร)  วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องจักได้รับสนองและดำเนินการเพื่อให้พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่เป็นไปโดยเรียบร้อยตามพระราชประเพณีต่อไป

 

จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

สำนักนายกรัฐมนตรี

๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐

       ครับ....คงไม่ต้องอธิบายความอะไรอีก โดยเฉพาะในมหามงคลแรกนั้น ความละเอียดชัดเจนอยู่แล้ว ชัดเจนทั้งตัวหนังสือ ชัดเจนทั้ง "จิตประสงค์" ของปวงมหาประชาชนชาวไทย ๕ ธันวาคม จะลบออกจากปฏิทินได้ แต่จะลบออกจาก "แผ่นดินไทย" ไม่ได้เด็ดขาด!

 

       ในเรื่องสถาปนา "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" วัดราชบพิธฯ เป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๒๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นั้น หลังจาก "นายกฯ ประยุทธ์" แจ้งนักข่าวที่ทำเนียบฯ เมื่อวาน (๗ ก.พ.) ว่า..... "มีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๒๐ แล้ว ได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาโดยตลอด และได้มีการนำรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่มีคุณสมบัติครบตามที่ได้บอกไว้ ๓ ประการ ทูลเกล้าฯ ขึ้นไปทั้ง ๕ รูป คงไม่ต้องถามว่าเป็นรูปไหนบ้าง ........

 

       และวันนี้ ได้รับแจ้งมาว่า มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาเรียบร้อยแล้ว คือสมเด็จวัดราชบพิธฯ โดยในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ จะมีการสถาปนาที่วัดพระแก้วในเวลา ๑๗.๐๐ น. ซึ่ง 'สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว' จะเสด็จฯ ด้วยพระองค์เอง" พลันที่ข่าวนี้แพร่ออกไป พุทธศาสนิกชนต่างใจปีติ เปล่งวาจา สาธุ..สาธุ..สาธุ

 

       เป็นบุญแผ่นดิน เป็นประมุขแห่งสงฆ์คู่รัชกาล ทั้งแผ่นดิน ทั้งพุทธศาสน์คู่ชาติไทย จักรุ่งเรือง แผ่ไพศาล ศานติจะดำรง ด้วยองค์แห่งพระประมุขชาติและประมุขสงฆ์ สมบูรณ์ศีล-สมบูรณ์ธรรม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ บอกถึงขั้นตอนพระราชพิธีสถาปนาในเย็นวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภา ที่จะถึงนี้ว่า "ตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐ น. ทีวีพูลจะถ่ายทอดสดจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เหมือนการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชทุกครั้งที่ผ่านมา โดย 'สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร' จะเสด็จพระราชดำเนินไปถวายพระสุพรรณบัฏ และอาลักษณ์อ่านประกาศพระบรมราชโองการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ถือเป็นอันเสร็จพิธี"

       ความจริง การสถาปนา "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" วัดราชบพิธฯ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ก็เป็นตามที่ทั้งสงฆ์ทั้งฆราวาสคาดหมายและคาดหวัง พูดถึงคุณสมบัติ ๓ ประการ ที่นายกฯ บอกว่า ใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย คือ "อาวุโส-เหมาะสม-แข็งแรง" สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สมเด็จอัมพร) ครบถ้วนทุกประการ!

 

       ครบถ้วนอย่างไร ผมจะลองไล่เลียงให้ดู ตามกรอบ "อาวุโส-เหมาะสม-แข็งแรง" ๕ รายชื่อที่ว่านั้น น่าจะประกอบด้วย๑.สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร สถาปนาเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๒ ปัจจุบัน อายุ ๙๐ ปี ๒.สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร สถาปนาเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๒ ปัจจุบัน อายุ ๘๐ ปี๓.สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร สถาปนาเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๓ ปัจจุบัน อายุ ๖๙ ปี๔.สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) วัดพิชยญาติการามวรวิหาร สถาปนาเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๔ ปัจจุบัน อายุ ๗๖ ปี๕.สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร สถาปนาเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๗ ปัจจุบัน อายุ ๗๔ ปี

 

       ส่วน "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน นั้น นับเป็นสมเด็จพระราชาคณะองค์ล่าสุด เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง เมื่อธันวา ๕๙ นี่เอง ไม่น่าจะอยู่ใน ๕ รายชื่อที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงพิจารณา ก็จะเห็นว่า สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ อาวุโสสูงสุด อีกทั้งแข็งแรง ยังปฏิบัติกิจเพื่อศาสน์และราชได้ดังประจักษ์

 

       ด้านเหมาะสม ด้วยศีลาจารวัตรงามพร้อม ด้วยการศึกษาด้านปริยัติทั้งทางโลก-ทางธรรมสูง ทั้งด้านปฏิบัติ คือด้านวิปัสสนากรรมฐาน สมเด็จวัดราชบพิธฯ รูปนี้ ได้ชื่อว่าเคร่งครัด ทั้ง "พุทธจักร-อาณาจักร" เป็นที่ประจักษ์ ยอมรับด้วยศรัทธาเลื่อมใส ในความเป็น "เนื้อนาบุญประเสริฐ" รูปหนึ่งของแผ่นดิน

 

       การที่ "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" ทรงสถาปนาขึ้นเป็น "สมเด็จพระสังฆราช" องค์ที่ ๒๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ครั้งนี้ นั้น ทั้งเทวดาและมนุษย์ต่างแซ่ซ้อง นมัสการ! ทั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับที่ ๓ พ.ศ.๒๕๖๐ ประกาศใช้ เมื่อ ๖ มกราคม ๒๕๖๐ มาตรา ๗ "พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”

       ความจริง ยังมีสมเด็จพระราชาคณะอีก ๒ รูป ที่อาวุโสกว่าสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ แต่ด้วย "ความเหมาะสม-ความแข็งแรง" อีก ๒ รูปนั้น ท่านชราภาพมากแล้ว ไม่สมควรนำภารกิจหนักในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชมอบหมายให้ท่านต้องลำบาก อาวุโสอันดับ ๑ "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์" (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำ ปัจจุบัน อายุ ๙๑ ปี อาวุโสอันดับ ๒ "สมเด็จพระมหาวีรวงศ์" (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ปัจจุบัน อายุ ๙๙ ปี

 

       เมื่อทั้ง ๒ รูป ด้วยสภาวะสังขารไม่เอื้ออำนวยต่อภาระสงเคราะห์กิจโลก-กิจสงฆ์ อันดับ ๓ คือ "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" วัดราชบพิธฯ นี้แหละ ด้วยความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง จึงเป็นอันดับ ๑ ทั้งทางอาวุโส-ความแข็งแรง-ความเหมาะสม .......... ที่จะปฏิบัติหน้าที่สกลมหาสังฆปริณายก ยังกิจพระศาสนาให้เป็นไป ทั้งทางอาณาจักรและศาสนจักร ในจำนวนสมเด็จพระสังฆราช ๒๐ รูป เมื่อตรวจดูแล้ว ปรากฏว่า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร แห่งนี้ มี "สมเด็จพระสังฆราช" มาแล้ว ๒ รูป คือ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๑ "สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์" (หม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุท สิริวฑฺฒโน) องค์ที่ ๑๘ "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช" (วาสน์ วาสโน) และ "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์" แห่งวัดราชบพิธฯ นี้ จะเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๓ ของวัดราชบพิธฯ

       ท้ายนี้ อยากให้ท่านได้รู้จัก "สมเด็จพระสังฆราช" องค์ใหม่ ในความเป็น "ศิษย์ตถาคต" ให้แจ่มแจ้งขึ้น "ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" เผยแพร่ข้อความนี้ไว้ ดังนี้

 

       "สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ หรือ หลวงปู่อัมพร อมฺพโร แห่งวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ท่านเป็นศิษย์ใน 'ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร' แห่งวัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร

      สมเด็จพระมหามุนีวงค์ ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ว่างครั้งใด ท่านจะไปเยือนวัดป่าในเขตภาคอิสาน เพื่อพบปะกับพระปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบหลายรูป หรือไปในงานของครูบาอาจารย์วัดป่ากรรมฐาน ทั้งธรรมยุตและมหานิกายหลายครั้ง ท่านไม่ถือตัวว่าเป็นสมเด็จ ท่านกราบพระเถระผู้ใหญ่กว่าท่านได้อย่างงดงาม

       บ่ายวันหนึ่ง ที่กุฏิเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ หลังจากผู้ที่มาถวายสักการะท่านเจ้าประคุณสมเด็จกลับไปหมดแล้ว มีโยมท่านหนึ่งกราบเรียนถามท่านเจ้าประคุณสมเด็จว่า

 

ท่านอาจารย์ ปัจจัยมากๆ ท่านอาจารย์ใช้ปัจจัยอย่างไรครับผม?

ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ก็เมตตาพูดให้ฟังว่า ปัจจัยที่เราได้มานั้น

๑.นำเข้ามูลนิธิหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่ท่านเป็นประธานอยู่

๒.นำไปช่วยเหลือโรงเรียนวัดราชบพิธฯ ที่ท่านเป็นประธานอยู่

๓.นำมาสงเคราะห์ให้กับพระเณร ที่อยู่ในวัดราชบพิธฯ และช่วยเหลือผู้คนที่ยากไร้

 

สุดท้าย ท่านเจ้าประคุณสมเด็จได้กล่าวไว้ว่า.........

เราไม่มีแม้สักแดงเดียวนะ เราไม่สะสม แม้แต่เหรียญอาจารย์ฝั้นสักเหรียญเรายังไม่มี รถเราก็ไม่มี

 

ขอกราบสมเด็จพระสังฆราชผู้เป็นเนื้อนาบุญประเสริฐรูปนี้ ด้วยเศียรเกล้า

 

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์