ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/

สวัสดีครับแฟนข่าวทีนิวส์ วันนี้วันที่ 18 พ.ค. 2560 เรื่องของบริษัทคิงพาวเวอร์ที่ให้บริการสินค้าปลอดภาษีในท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นประเด็นที่มีการติดตามข่าวมาอย่างยาวนาน ทั้งในแง่การจ่ายค่าตอบแทนรัฐที่ต่ำกว่าความเป็นจริงและมีการขายสินค้าหลบเลี่ยงภาษี ดูเหมือนว่าวันนี้จะกลายมาเป็นประเด็นแล้วล่ะครับ

หลังจากที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้ออกมาเปิดเผยและยืนยันว่ารายงานที่สปท.เสนอให้นายกรัฐมนตรีมีความชัดเจนถึงการทำผิดกฎหมายของบริษัทคิงพาวเวอร์ตั้งแต่ก่อนเป็นสัญญา เพราะมีการหลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติร่วมทุนกับเอกชนมาตั้งแต่แรก

ด้วยการทำรายงานเท็จโดยเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มบริษัทคิงพาวเวอร์ร่วมกระทำความผิด เช่น การคำนวณราคามูลค่าทรัพย์สินของรัฐและเอกชน และสต๊อกสินค้ากรมคลังที่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยรับผลประโยชน์ 15% ของยอดขายสินค้า แต่มีการหลีกเลี่ยงไม่ดำเนินการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยตลอด 9 ปีที่ผ่านมา โดย 5 ปีแรก มีการจ่ายแค่ 0.45% เท่านั้น และ 5 ปีหลังจากนั้นได้จ่ายแค่ 3% จาก 15%

 

โดยประเด็นนี้การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยมิได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าทำให้รัฐเสียหาย นอกจากนี้นายชาญชัย ยังยืนยันว่ากลุ่มบริษัทคิงพาวเวอร์ได้ลงทุนเกินวงเงิน 1 พันล้านบาท จึงผิดพระราชบัญญัติร่วมทุน พ.ศ.2535 จากการทำผิดกฎหมายหลายฉบับหลายเหตุการณ์เป็นเหตุผลที่รัฐบาลสามารถบอกยกเลิกสัญญาได้ทันที โดยรัฐบาลไม่ต้องเสียค่าโง่ใดๆ แถมยังสามารถเรียกค่าเสียหายได้อีก 27,000 ล้านบาท

 

นายชาญชัยได้ตั้งประเด็นว่าทำไม? ระยะเวลาที่ผ่านมาถึงไม่มีใครทำอะไร และเรื่องนี้ได้ทำเรื่องถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว ผู้สื่อข่าวได้ถามพล.อ.ประยุทธ์ ในกรณีดังกล่าวนี้ ก็ได้รับการยืนยันว่าเมื่อสปท.เสนอขึ้นมา ก็จะรับไว้พิจารณา แต่จะทำอย่างไรก็ต้องดูกฎหมายและหลักการให้ชัดเจน ไม่ใช่เป็นเรื่องของใครสนิทกับใคร หรือใครเป็นผู้มีอำนาจการเขียนข่าวแบบนี้ ถือว่าเลอะเทอะ โดยต้องใช้กฎหมายทั้งเรื่องของสัญญาและเรื่องอื่นๆ ก็จะต้องไปดู

 

“การจะบอกเลิกสัญญา ทำอย่างไรก็ต้องไปดูให้ดี เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำในสมัยรัฐบาลนี้ เมื่อถึงรัฐบาลนี้บอกว่าจะยกเลิกสัญญาก็ต้องไปดูว่าทำได้หรือไม่ ว่ากันตามกลไกทางกฎหมายไม่ใช่ว่าจะเข้าข้างใคร” นายกฯ กล่าว

 

น่าสนใจนะครับ ความพยายามเรื่องคิงพาวเวอร์ มีความพยายามจากหลายฝ่ายในการที่จะเปิดเผยข้อมูล ที่ผ่านมาทุกครั้งเรื่องก็มักจะหยุดชะงักไป วันนี้เรื่องถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็อยู่ที่นายกฯ จะตัดสินใจอย่างไร โดยทั่วไปได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากสำหรับความสัมพันธ์ของบ.คิงพาวเวอร์กับนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจบทบาทเชื่อมโยงกับบุคลสำคัญในคณะรัฐบาลชุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะคสช. อย่าเพิ่งไปปฏิเสธหรือกล่าวหาว่าผู้สื่อข่าวเขียนข่าวมั่วซั่ว ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ส่วนข้อเท็จจริงจะออกมาเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะรู้ได้ไม่ยาก.

 

 

ขอบคุณ แฟนข่าวสนธิญาณ