ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

        ในวันพรุ่งนี้ (วันเสาร์ที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๐) เป็นวันวิชัยทัสสมิ อันเป็นวันฉลองชัยชนะขององค์พระแม่มหาทุรคาที่ปราบมหิงษาสูรได้สำเร็จ หลังจากต่อสู้กันมาเป็นเวลา ๙ วัน ๙ คืน จนสามารถเอาชนะได้ในวันที่ ๑๐ ซึ่งทางวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก สีลม) ได้จัดให้มีงานแห่ประเพณี เพื่อให้สานุศิษย์และผู้ศรัทธาได้ร่วมกันสักการะองค์พระแม่และทวยเทพเทวะทั้งหลายอย่างทั่วถึง ตลอดเส้นทางที่ทั้ง ๘ ขบวนแห่ผ่าน คือ เริ่มต้นจากหน้าวัดที่ถนนสีลม แล้วตรงไปยังแยกนราธิวาส เลี้ยวขวาผ่านสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ตรงไปแยกสาทร จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนสาทร จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าแยกสุรศักดิ์ แล้วเลี้ยวขวาที่แยกโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เข้าสู่ถนนสีลม จากนั้นจึงมุ่งหน้ากลับเข้าวัดตามเดิม โดยขบวนแห่จะเคลื่อนออกจากวัดในเวลา ๑๙.๓๐ น.

จึงขอเชิญผู้ศรัทธาทุกท่าน เข้าร่วมงานแห่ประเพณีเนื่องในวันวิชัยทัสสมิ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก สีลม) ประจำปี ๒๕๖๐โดยพร้อมเพรียงกัน

 

หมายเหตุ : สำหรับท่านที่จะมาร่วมงานแห่ ขอเชิญเข้าไปอ่าน "คู่มือสำหรับผู้ร่วมงานแห่ประเพณี วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก สีลม) ในวันเสาร์ที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๐" เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเตรียมตัวก่อนมาร่วมงาน ได้ที่ลิงก์นี้ 

 

ตำนาน “เจ้าแม่ทุรคา” มหาเทวี ผู้เมตตา และทรงฤทธิ์ ! ปราบอสูรเพื่อสันติสุขแห่งโลก ร่วมฉลองวันแห่งชัยชนะ ๓๐ก.ย.นี้ ณ วัดแขกสีลม

ตำนานพระแม่ทุรคามหาเทวี

ตำนาน “เจ้าแม่ทุรคา” มหาเทวี ผู้เมตตา และทรงฤทธิ์ ! ปราบอสูรเพื่อสันติสุขแห่งโลก ร่วมฉลองวันแห่งชัยชนะ ๓๐ก.ย.นี้ ณ วัดแขกสีลม

พระแม่ทุรคา (สันสกฤต: ทุรฺคา) หรือ พระศรีมหาทุรคาเทวี เป็นปางหนึ่งของ พระอุมาเทวี มีความหมายว่า "ผู้เข้าถึงได้ยาก" ไม่ว่าทั้งเทพเจ้า มนุษย์ อสูร แม้แต่พระศิวะ พระพรหม หรือพระวิษณุ ก็ไม่อาจสังหารมหิษาสูรได้ มีเพียงหญิงสาวที่ไม่ได้เกิดอย่างธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในอำนาจทั้งหมดของจักรวาล ซึ่งก็คือพระแม่ทุรคา ซึ่งเกิดจากอำนาจทั้งปวงของเหล่าเทพเจ้า

 พระแม่ทุรคา หรือที่ชาวฮินดูเรียกไปต่างๆ นาๆ เช่น ดุรกา ดุกา ดูลาคา นั้น หาได้มีกำเนิดเหมือนเหล่าเทพเทวีองค์อื่นๆ ไม่ หากแต่การกำเนิดมาของพระนางนั้นได้รวมไว้ซึ่งอำนาจบารมีของเทวาทั้งหลาย เพื่อกำจัดอสูรร้ายตนหนึ่ง พระแม่มีเทวลักษณะที่งดงามหมดจด หลายท่านคิดว่าพระแม่คือพระองค์เดียวกับพระแม่อุมาเทวี แต่ในความจริงแล้วนั้นพระแม่คือมหาเทวี คือเป็นเทวีทั้งสามองค์ที่แบ่งภาคมานั่นเอง ดังจะเล่าในความเป็นมาดังนี้ อสูรรัมภะนั้น ไม่มีบุตรเลยเช่นเดียวกับพี่ชายคือ อสูรกะรัมภะ ทั้งสองจึงเดินทางไปยังแม่น้ำปัญจนัท เพื่อบำเพ็ญตบะแต่อสูรกะรัมภะบำเพ็ญตบะในน้ำ ส่วนรัมภะบำเพ็ญบนบก พระอินทร์เห็นว่าจะเป็นภัยใหญ่ในอนาคต ดังนั้นจึงแปลงกายเป็นจระเข้ใหญ่ ไปกัดอสูรกะรัมภะตาย ฝ่ายอสูรผู้น้องเห็นดังนั้นก็รู้สึกโกรธแค้นจึงตั้งใจถวายศีรษะแก่พระเพลิง แต่พระเพลิงห้ามไว้และให้พร อสูรจึงขอพรว่าขอให้มีลูกชายคนหนึ่ง ที่มีชีวิตเป็นอมตะ เก่งกาจกล้าหาญยิ่งใหญ่ในสามโลก หลังได้คำพรจึงเดินทางกลับระหว่างทางได้พบควายเพศเมียเข้าจึงได้ไปสมสู่ด้วย และนำนางควายกลับเมืองบาดาลต่อไประหว่างทางรัมภะถูกควายตัวผู้ที่พิสมัยในนางควายขวิดตาย เหล่าอสูรจึงสังหารควายผู้ตัวนั้นและนำศพรัมภะมาทำพิธีศพ ระหว่างพิธีเผาศพ นางควายรู้สึกเศร้าใจจึงกระโดดลงกองไฟตายตามไป แต่หลังไฟมอดลง ก็ได้มีทารกนอนอยู่บนกองขี้เถ้านั้น ทารกนี้เป็นบุตรของรัมภะกับนางควาย และมีชื่อต่อมาว่า มหิษาสูร หรือ มหิษะ

 

ตำนาน “เจ้าแม่ทุรคา” มหาเทวี ผู้เมตตา และทรงฤทธิ์ ! ปราบอสูรเพื่อสันติสุขแห่งโลก ร่วมฉลองวันแห่งชัยชนะ ๓๐ก.ย.นี้ ณ วัดแขกสีลม

 

           ต่อมามหิษะได้ทำสมาธิระลึกถึงพระพรหมอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี พระพรหมพอใจมากและได้ให้พรว่า มหิษาสูรจะเป็นอมตะ ไม่ว่าเทพเจ้า มนุษย์ อสูรเพศชาย ก็มิอาจสังหารได้ แต่ผู้ที่จะฆ่าได้คือหญิงสาวที่ไม่ได้เกิดอย่างธรรมชาติ เป็นหนึ่งในอำนาจทั้งหมดของจักรวาลจึงสังหารได้ เมื่อมหิษาได้รับพรดังนี้แล้ว จึงได้กลับเมืองไปจัดตั้งกองทัพเพื่อแก้แค้นแทนลุงของตนและขยายอำนาจของตนออกไป เหล่าเทวดาก็ออกมาต่อสู้ต่อกรกับมหิษะ แต่ด้วยอำนาจพรของพระพรหมจึงทำให้ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด จนเหล่าเทวดาเข้าขอคำปรึกษากับเหล่ามหาเทพทั้งหลายเพื่อให้ยุติในความชั่วร้ายเหล่านี้ พระพรหมจึงได้บอกว่าเราได้ให้พรแก่มหิษะว่ามหิษาสูรจะเป็นอมตะ ไม่ว่าเทพเจ้า มนุษย์ อสูรเพศชาย ก็มิอาจสังหารได้ แต่ผู้ที่จะฆ่าได้คือหญิงสาวที่ไม่ได้เกิดอย่างธรรมชาติ เป็นหนึ่งในอำนาจทั้งหมดของจักรวาลจึงสังหารได้ พระศิวะเจ้าจึงทรงดำริที่จะรวมอำนาจของเทวะสร้างเทพสตรีออกมาเพื่อปราบมาร และด้วยอำนาจของเหล่าเทพทั้งหลายจึงก่อให้เกิดหญิงที่งดงามที่สุดในสามโลกขึ้นมา นางมีดวงตากลมดำสนิท ปากแดงได้รูป โครงหน้าสวยงาม ผมดำสนิท ซึ่งเกิดจากอำนาจนิรมิตของเหล่าเทพเช่นผมที่ดำสนิทมาจากแม่อุมาเทวี ปากแดงได้มาจากพระสกัณฑะ เป็นต้น เหล่าเทวะได้ขนานนามแม่ว่า อัมพิกาเมื่อเทวีและอาวุธรวมทั้งอำนาจบริวารพร้อมแล้ว จึงได้ส่งฑูตไปห้ามหิษะ เพื่อตักเตือนและให้ยอมรับในอำนาจของพระนาง และขอขมาต่อเหล่าเทพทั้งหลาย แต่มหิษะกลับหัวเราะเยาะว่าพระแม่เป็นเพียงสตรี แต่กลับจะมาท้าต่อยตี จึงได้ยกกองทัพออกประจันหน้ากับพระแม่

ตำนาน “เจ้าแม่ทุรคา” มหาเทวี ผู้เมตตา และทรงฤทธิ์ ! ปราบอสูรเพื่อสันติสุขแห่งโลก ร่วมฉลองวันแห่งชัยชนะ ๓๐ก.ย.นี้ ณ วัดแขกสีลม

           แต่แล้วมหิษะได้หลงตะลึงในความงามของพระแม่ ถึงกับออกปากเกี้ยวพาราศีเจ้าแม่ พระแม่พยายามเลี่ยงด้วยเมตตา แต่มหิษะกลับไม่จนใจจึงหมายจะเข้าปลุกปล้ำ พระแม่จึงได้ทรงเนรมิตกายให้มีสิบกร(บางตำราว่าแปดกร)แล้วเข้าต่อสู้ มหิษะก็หัวเราะเพราะลึมในคำพรของพระพรหมพระแม่จึงทรงขว้างเสียด้วยตะลุมพุก แต่มหิษะโดนเพียงเล็กน้อย จึงได้แปลงกายเป็นกระบือตามเหล่าเดิม แล้วหนีไปพระแม่จึงออกติดตาม สิงโตพาหนะของพระแม่ได้บุกไปขย้ำตัวมหิษะไว้ พระแม่จึงได้เสด็จเข้ามาจัดการด้วยการแทงตรีศูลย์ลงไปอีกครั้ง จึงได้สิ้นฤทธิ์ของอสูรกระบือมหิษาสูรตนนี้

ตำนาน “เจ้าแม่ทุรคา” มหาเทวี ผู้เมตตา และทรงฤทธิ์ ! ปราบอสูรเพื่อสันติสุขแห่งโลก ร่วมฉลองวันแห่งชัยชนะ ๓๐ก.ย.นี้ ณ วัดแขกสีลม

 

คาถาบูชาพระแม่ทุรคาเทวี

มีหลายบท ให้เลือกสวดบทใดบทหนึ่ง (หรือสวดทั้งหมด)

ข้อควรจำ : ก่อนการสวดบูชาพระแม่อุมาเทวี จะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ

- โอม ไจ มาตา ดี (สามจบ)

- โอม ชยะ ศรี ปารวตี มาตา (สามจบ)

- โอม ศรี มหา ทุรคาเทวะไย นะมะห์ (สามจบ)

- โอม โรคา นะเศษา นะปะหัมสิตุษฎา
รุษตาตุกามาน สะกะลา นะภีษะตาน
ตะวามา ศะริตานาม นะวิปัน นะรานาม
ตะวามา ศะริตายา ศะระยะตาม ประยันติ (หนึ่งจบ)

 

ที่มา : http://ar.myreadyweb.com / siamganesh.com / Hindu Meeting (Fan Page)