- 08 ม.ค. 2561
รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://www.tnews.co.th
เมื่อวานนี้เพจดังในสังคมโซเชีย ของเฟสบุ๊ค ผู้ใช้เพจนามว่า Siriwanna Jill – New ได้โพส ลงเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการศึกษาในวงการพระสงฆ์ไทย ซึ่งทางมหาเถรสมาคมได้มีมติยกเลิกใน “การกำหนดวิทยฐานะของผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม ที่เทียบเคียงกับการศึกษาระดับอุดมศึกษาในปัจจุบัน
โดยได้โพสลงรายละเอีดว่า
ยศช้างขุนนางพระ ...... พระสงฆ์องค์เจ้าเป็น ดอกเตอร์ กันเกลื่อน จากการเทียบเปรียญ ต่อไปนี้ไม่ได้แล้ว เหตุระบบการศึกษาแตกต่างกัน
มติมหาเถรสมาคม ที่ ๗๑๖/๒๕๖๐ ในการประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อ ๒๐ ธ.ค. ๖๐ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า พระพรหมมุนี แม่กองธรรมสนามหลวง และประธานคณะกรรมการ จัดทำร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... ได้มีลิขิต แจ้งว่า ตามมติที่ประชุม ครม. เมื่อ ๒๔ พ.ย.๕๙ ได้มอบหมายให้สำนักพุทธฯ รับร่าง พรบ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความขัดแย้งกันใน #การกำหนดวิทยฐานะของผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง ซึ่งกำหนดให้เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนาภาคภาษาบาลี ถือเป็นการจัดการศึกษาเฉพาะทางด้านพระพุทธศาสนา
การกำหนดวิทยฐานะของผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม ที่มุ่งเน้นเทียบเคียงกับการศึกษาระดับอุดมศึกษา ที่มีวัตถุประสงค์และเกณฑ์การจัดการศึกษาที่แตกต่างกัน จึงให้ปรับแก้ไข ดังนี้
ยกเลิก พรบ.กำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนา พระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง จากเดิม
๑.ชั้นเปรียญธรรม ๕ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาตรี
๒.ชั้นเปรียญธรรม ๗ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาโท
๓.ชั้นเปรียญธรรม ๙ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาเอก
แก้ไขเป็น ให้ผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง ที่ได้ทำการศึกษาเพิ่มเติม ตามหลักเกณฑ์ที่ คกก.กำหนดให้มีวิทยฐานะระดับใด ๆ โดยความเห็นชอบของ คกก.อุดมศึกษาและมหาเถรสมาคม
ซึ่งทำให้บรรดาลูกเพจลงมาเสนอความคิดเห็นกันมากมายทั้งในมุมมองของทางโลก และทางธรรมศึกษา คงต้องงรอดูกันว่า ในอนาคตทิศทางของการศึกษาของวงการพระสงฆ์ไทยจะไปทางไหนกันดี ระหว่างทางโลก และ ทางธรรม อันไหนควรมาก่อน ต้องมารอทาง มหาเถรสมาคม จะมีมติออกอย่างใดต่อไป
หากที่ผ่านมาการพัฒนาการในการเทียบวุฒิความรู้พระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ไทย ในระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยมีดังนี้
ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ รัฐบาลสมัย ฯพฯ พลอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้เสนอพระราชบัญญัติกำหมดวิทยฐานะของผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนา โดยกำหนดว่า
ตามหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลีสนามหลวง เปรียญธรรมเก้าประโยค มีวิทยฐานะชั้นปริญญาตรีเรียกว่า “เปรียญธรรมเก้าประโยค” ใช้อักษรย่อว่า “ป.ธ.๙”
ตามหลักสูตรปริญญาศาสนศาสตรบัณฑิตจากสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีวิทยฐานะชั้นปริญญาตรี เรียกว่า “ศาสนศาสตรบัณฑิต” ใช้อักษรย่อว่า “ศน.บ.”
ตามหลักสูตรปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิตจากมหาจุฬาลงกรณราช-วิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีวิทยฐานะชั้นปริญญาตรีเรียกว่า “พุทธศาสตร-บัณฑิต” ใช้อักษรย่อว่า “พธ.บ.”
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ รัฐบาลในสมัย ฯพณฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๐ ให้มหาวิทยาลัยทั้งสองมีสถานภาพเป็นนิติบุคคล เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐและเป็นมหาวิทยาลัยในกับกับดูแลภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ สามารถจัดการศึกษาได้ถึงปริญญาเอก และเปิดโอกาสให้ภิกษุ สามเณร คฤหัสถ์ เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ได้
ต่อมา โดยที่มาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และตามกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยสถาบันพระพุทธศาสนา พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ให้สิทธิสถาบันพรพุทธศาสนาจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแก่พระภิกษุและสามเณร โดยแบ่งการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานออกเป็น สองระดับ คือ
๑.การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
๒.การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม และการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ที่ได้จัดให้แก่พระภิกษุและสามเณร ซึ่งมีพื้นฐานความรู้ไม่ต่ำกว่าระดับประถมศึกษาปีที่หกหรือเทียบเท่า และได้ศึกษาวิชาสามัญเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดโดยคำแนะนำของมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานที่แบ่งเป็นระดับดังต่อไปนี้
การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ชั้นเปรียญธรรม ๓ ประโยค เป็นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ชั้นเปรียญธรรม ๕ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาตรี
การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ชั้นเปรียญธรรม ๗ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาโท
การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ชั้นเปรียญธรรม ๙ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาเอก
และมติล่าสุด ของมหาเถรสมาคม ที่มีการประชุม เรื่อง "ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม" มีรายละเอีดดังนี้
รายละเอียด มติมหาเถรสมาคม
ครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๐
มติที่ ๗๑๖/๒๕๖๐
เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ....
ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า พระพรหมมุนี แม่กองธรรมสนามหลวง และประธานคณะกรรมการ จัดทำร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... ได้มีลิขิต ที่ กธ. ๒๒๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๐ แจ้งว่า ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อให้ได้ข้อยุติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง และ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ศธ ๐๕๐๖/๑๓๕๓๙ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ แจ้งเสนอความเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวควรมีความสอดคล้องกันทั้งฉบับ โดยมาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๕ ยังมีความขัดแย้งกันในการกำหนดวิทยฐานะของผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าศึกษาต่อในแต่ละระดับ และอาจทำให้ผู้สำเร็จการศึกษาในแต่ละระดับและสาธารณชนเกิดความสับสนได้ ประกอบกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษาและส่งเสริมวิชาการทางพระพุทธศาสนาให้เป็นไปโดยสอดคล้องกับโบราณราชประเพณีและมาตรฐานการจัดการศึกษาของชาติ เพื่อการสืบทอดความรู้ทางพระพุทธศาสนา สร้างบุคลากร ให้บริการทางวิชาการแก่สังคมและท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง ซึ่งกำหนดให้เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนาภาคภาษาบาลี ถือเป็นการจัดการศึกษาเฉพาะทางด้านพระพุทธศาสนา ดังนั้น การกำหนดวิทยฐานะของผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรมตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... เป็นการยกร่างการดำเนินการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นเทียบเคียงกับการศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งเป็นการศึกษาทางโลกที่มีวัตถุประสงค์และเกณฑ์การจัดการศึกษาที่แตกต่างกัน ประกอบกับการเทียบเคียงในระดับชั้นปริญญาจำเป็นต้องมีความสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี พ.ศ. ๒๕๕๘ และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ จึงยังไม่เห็นด้วยในหลักการของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... นั้น
คณะกรรมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .... ได้ประชุม เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ ห้องประชุมสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว และมีมติ ดังนี้
๑. ให้ตัดมาตรา ๓ ออก (มาตรา ๓ ให้ยกเลิก (๑) พระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนา พ.ศ. ๒๕๒๗ (๒) พระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๐)
๒. ให้ตัดมาตรา ๒๔ ออก (มาตรา ๒๔ ให้ผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง ชั้นเปรียญธรรม ๙ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาตรี)
๓. ให้แก้ไขมาตรา ๒๕
(เดิม) มาตรา ๒๕ ให้ผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง ที่ได้ทำการศึกษาเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด มีวิทยฐานะ ดังต่อไปนี้
(๑) แผนกบาลีสนามหลวง ชั้นเปรียญธรรม ๕ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาตรี
(๒) แผนกบาลีสนามหลวง ชั้นเปรียญธรรม ๗ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาโท
(๓) แผนกบาลีสนามหลวง ชั้นเปรียญธรรม ๙ ประโยค มีวิทยฐานะระดับปริญญาเอก
(แก้ไขเป็น) มาตรา ๒๓ (เดิมมาตรา ๒๕ แก้ไขเป็นมาตรา ๒๓) ให้ผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง ที่ได้ทำการศึกษาเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดให้มีวิทยฐานะระดับใด ๆ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการอุดมศึกษาและมหาเถรสมาคม รายละเอียดตามเอกสารที่แนบถวายในที่ประชุม
พร้อมกับมีบัญชาให้นำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดทราบ
ขอขอบคุณที่มา ข้อมูลและภาพประกอบ
ที่มา FB : เพจ Siriwanna Jill – New www.tcijthai.com และ mahathera.onab.go.th (มหาเถรสมาคม)