- 13 ต.ค. 2561
ปวีณาช่วยด้วย! แม่ร้องทุกข์ ลูกชายวัย 13 ทำงานร้านคาร์แคร์ถูกไฟดูด เป็นเจ้าชายนิทรา เจ้าของร้านปัดความรับผิดชอบ
สำหรับช่วงนี้เป็นช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม เหล่านักเรียน นักศึกษา ก็จะพากันไปหางานรับจ้างทำกันช่วงปิดเทอม เพื่อนำรายได้มาไว้ใช้และเป็นการลดค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองอีกทางเลือกหนึ่ง หากทำงานแล้วได้เงินนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากเกิดความผิดพลาดในระหว่างการทำงานจนได้รับความเดือดร้อน แล้วใครล่ะจะเป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อทางเฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นางสาวขวัญใจ คำตั้งหน้า อายุ 41 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ได้มาร้องทุกข์ต่อมูลนิธิว่า ลูกชาย คือ ด.ช.ชัยวัฒน์ เสือสูงเนิน อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ได้ไปรับจ้างทำงานหารายได้พิเศษในช่วงปิดเทอมที่ร้านคาร์แคร์ใกล้บ้าน และในระหว่างทำงานก็เกิดเหตุถูกไฟดูด จนต้องเข้ารับการรักษาตัว และในปัจจุบันต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ผ่านมากว่า 5 เดือน ทางเจ้าของคาร์แคร์ยังไม่มีการรับผิดชอบใดๆ จึงได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจและเข้าขอความเป็นธรรมจากมูลนิธิ
โดยเรื่องราวของเหตุการณ์ดังกล่าว นั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 61 นางขวัญใจ ได้เล่าว่า วันนั้นหลานของตนที่ทำงานอยู่ที่คาร์แคร์แห่งเดียวกับลูกชาย ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า ลูกชายของตนนั้นโดนไฟดูดขณะที่กำลังใช้ที่ฉีดน้ำแรงดันสูงล้างพื้นอยู่จึงทำให้ตัวเปียกน้ำ และในระหว่างนั้นก็ได้ถูกสายไฟของเครื่องฉีดน้ำที่ชำรุดอยู่นั้นเกิดดูดลูกชายของตน
โดยคนงานที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างตกใจและรีบวิ่งไปสับคัตเอาท์ตัดไฟ ซึ่งในตอนนั้นลูกชายตนได้หมดสติและไม่หายใจแล้ว จากนั้นได้มีคนนำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เพราะในขณะนั้นเจ้าของคาร์แคร์ไม่ได้อยู่ที่ร้าน
หลังจากทราบข่าวตนก็รีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที พบว่าทางแพทย์ได้ทำการปั๊มหัวใจลูกชาย จนมีสัญญาณชีพขึ้นมา และส่งตัวไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และต้องอยู่ในห้องไอซียู 7 วัน พักฟื้นที่ห้องธรรมดาอีก 12 วัน ซึ่งทางแพทย์บอกว่าได้ช่วยอย่างเต็มที่แล้ว แต่จากการที่โดนไฟดูดและหมดสติไปนั้น ทำให้ออกซิเจนไม่ไปหล่อเลี้ยงสมองนานราวๆ 20 นาที ทำให้ต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา จากนั้นจึงได้กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน
ซึ่งลูกชายตนนั้นเป็นเด็กขยัน กตัญญู และไปทำงานที่ร้านคาร์แคร์แห่งนี้เป็นประจำ บางวันเลิกเรียนก็ไปทำ ได้ค่าแรงวันละ 200 บาท บางาวันก็กินนอนอยู่ที่คาร์แคร์แห่งนั้นเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องมา ทางเจ้าของคาร์แคร์ ได้มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล 2 ครั้ง และได้ให้เงินช่วยเหลือครั้งแรก 2,000 บาท ครั้งที่สองได้ให้ 1,000 บาท พร้อมยังบอกว่าจะให้เงินช่วยเหลือ 10,000 บาท แต่ต้องเซ็นต์ยินยอมให้เรื่องจบและถอนแจ้งความ ทางครอบครัวตนรู้สึกไม่เป็นธรรม จึงไม่รับเงินเอาไว้ ทางเจ้าของคาร์แคร์ยังได้บอกอีกว่า หากอยากได้มากกว่านั้นให้ไปฟ้องร้องเอา
ในตอนนี้ครอบครัวตนนั้นลำบากมาก เพราะตนไม่ได้ทำงานต้องคอยอยู่ดูแลลูกชาย สามีจึงไปทำงานเพียงคนเดียว และรายได้ก็ไม่พอกับรายจ่าย ต้องไปกู้หนี้ยืมสินญาติพี่น้อง เพื่อพาลูกชายไปหาหมอ บางวันลูกก็มีไข้ขึ้นสูงต้องพาไปโรงพยาบาลเป็นประจำ และในตอนนี้ก็ผ่านมา 5 เดือนแล้ว หลังจากที่ได้ไปแจ้งความเอาไว้ แต่เรื่องคดียังไม่คืบหน้า ตนจึงเข้ามาร้องเรียนกับทางมูลนิธิปวีณา เพื่อให้ช่วยเหลือครอบครัวตน
หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสาน พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.อรุษ คำตุ้ย ผกก.สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา, นายอภิญญา สุจริตตานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน, น.ส.บุญสม แช่มสวัสดิ์ หัวหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา รักษาราชการแทน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา และ น.ส.อรินท์มาศ กาแก้ว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นครราชสีมา
เพื่อนัดหมายกันในวันพฤหัสบดีที่ 11 ต.ค.61 เวลา 13.00 น. จะร่วมเดินทางลงพื้นที่บ้านของ นางสาวขวัญใจ คำตั้งหน้า เลขที่ 80 หมู่ 5 ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยม ด.ช.ชัยวัฒน์ เสือสูงเนิน อายุ 13 ปี ที่นอนป่วยอยู่ จากนั้นนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ จะได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ต่อไป
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ทางด้าน นางปวีณา หงสกุล ได้เดินทางมายังบ้านของ นางขวัญใจ เพื่อเยี่ยม ด.ช.ชัยวัฒน์ เสือสูงเนิน ที่นอนป่วยอยู่นั้น พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันทางศูนย์บริการคนพิการจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้ขึ้นทะเบียนคนพิการให้แก่ ด.ช.ชัยวัฒน์ เสือสูงเนิน เพื่อที่จะได้รับเงินคนพิการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และทางโรงพยาบาล สพ.โคกกรวด ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือดูแลอีกทางหนึ่ง
เบื้องต้นจากการสอบถามเจ้าของร้านคาร์แคร์ ได้ให้การปฎิเสธว่า ไม่ได้มีความเป็น นายจ้าง - ลูกจ้าง อ้างว่า เด็กมาคลุกคลีอยู่ที่ร้านเอง แต่จากข้อมูลจากของ ด.ช.ชัยวัฒน์ นั้นได้ทำงานที่คาร์แคร์แห่งนี้มา 2 ปี ในช่วงหลังเลิกเรียนและวันหยุด ทั้งนี้จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อส่งต่อให้พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีกับนายจ้างต่อไป
ทั้งนี้ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้กล่าวว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยกันบูรณาการให้ความช่วยเหลือ ด.ช.ชัยวัฒน์ เพราะเป็นเด็กที่น่าสงสาร และมีความกตัญูญูหาเงินช่วยพ่อแม่ มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามให้เขาได้รับสิทธิ์ที่ควรจจะได้และได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเชื่อมั่นว่าทุกหน่วยงานจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ขอบคุณข้อมูล : มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี