ชำแหละเทือกเถาเหล่ากอ! “ทษช”เบี้ยหมากการเมือง สัมพันธ์แนบแน่น”ชินวัตร” กรุยทางสู่การเป็นปฏิปักษ์การปกครอง

พลิกผันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือกับสถานะของพรรคไทยรักษาชาติขณะนี้ หลังจากอหังการ์ดำเนินกลยุทธ์อันประหนึ่งดึงฟ้าหวังผลิกดินต้องมีอันตกไป หากทว่าการเดิมพันที่สูงยิ่งและนำมาซึ่งความพ่าย กลับสร้างความคลอนแคลนภายในพรรคจวนเจียนจะมีอันเป็นไปทางการเมืองอยู่รอมร่อ

พรรคไทยรักษาชาติ

 

พลิกผันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือกับสถานะของพรรคไทยรักษาชาติขณะนี้ หลังจากอหังการ์ดำเนินกลยุทธ์อันประหนึ่งดึงฟ้าหวังผลิกดินต้องมีอันตกไป หากทว่าการเดิมพันที่สูงยิ่งและนำมาซึ่งความพ่าย กลับสร้างความคลอนแคลนภายในพรรคจวนเจียนจะมีอันเป็นไปทางการเมืองอยู่รอมร่อ ความจนตรอกที่กำลังเผชิญทำให้ทางพรรคฯ ดิ้นรนทุกวิถีทาง เมื่อเฮือกสุดท้ายก่อนวันชี้ชะตาคือวันที่ 27 ก.พ. 2562 นายสุรชัย ชินชัย ทนายความ พรรคไทยรักษาชาติ พร้อมคณะรุดเข้ายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ณ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมชักแม่น้ำทั้งหาด้วยยกเหตุผลว่าการประพฤติปฏิบัติของพรรคว่าด้วยเรื่องการเสนอชื่อ แคนดิเดตนายกฯ ไม่ได้ขัดต่อหลักกฏหมาย

แม้ว่า การยกประเด็นมาคัดง้างต่อคำร้องพิจารณายุบพรรคจะมีความซับซ้อน ด้วยเพราะเป็นการอ้างอิงจากตัวบทกฏหมาย แต่เจตนาและความปรารถนาก็ไม่ได้ล้ำลึกเกินกว่าจะเข้าใจได้ว่า เป็นเพียงการยื้อชีวิตทางการเมืองของใครบางคนที่บงการและควบคุมอยู่เบื้องหลัง ข้อสังเกตดังกล่าวมาจากหลากหลายการแสดงออกของทางพรรคที่ชี้ชัดว่าพรรคไทยรักษาชาติมิได้มีเอกภาพในพรรค เพราะการชูธงนโยบายที่เสมือนว่าพร้อมสืบสานเจตนารมย์ของพรรคเก่าแก่อย่างไทยรักไทย ที่มีนายทักษิณ เป็นผู้กุมบันเหียน จนหนหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น พรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุปัจจัยทางการเมือง

นายสุรชัย ชินชัย ทนายความ พรรคไทยรักษาชาติ

ข้อสังเกตดังกล่าวได้รับการยืนยันจากทางพรรคเองเมื่อปรากฏว่าก่อนหน้านี้ บนเพจเฟสบุ๊ก "พรรคไทยรักษาชาติ" ได้ระบุว่า "จากต้นไม้ต้นแรกคือไทยรักไทย พรรคไทยรักษาชาติ จึงเปรียบเสมือนต้นไม้ต้นที่ 4 ที่มีรากเหง้าเดียวกัน ต้นไม้ใหญ่และต้นที่สองได้ถูกตัดทิ้งไปแล้วเหลือเพียงต้นที่ 3 กับต้นที่ 4 ต้นไม้ทั้งสองต้นพร้อมแล้วที่จะสร้างร่มเงาแห่งความสุขให้กับคนไทย แม้จะอยู่คนละแห่ง พี่น้องประชาชนทุกคนก็เหมือนคนที่จะรดนํ้าต้นไม้หากอยู่ใกล้ต้นไหนก็รดต้นนั้น ให้ต้นไม้ทั้งสองต้นแผ่กิ่งก้านร่มเงาออกไป ต้นไม้ต้องการน้ำเพื่อการเจริญเติบโต ไทยรักษาชาติก็ต้องการเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแรงเช่นกัน"

เฟซบุ๊ก พรรคไทยรักษาชาติ

และเมื่อนำองค์ประกอบอื่นที่สำคัญมาพิจารณาร่วม นั่นคือกลไลการได้มาซึ่งรัฐบาลของการเลือกตั้งรูปแบบใหม่ ทำให้เข้าใจได้ว่าการก่อตั้งพรรคไทยรักษาชาตินั้นมีจุดประสงค์เพื่อกวาดคะแนนเสียง และกวาดเอาที่นั่ง ส.ส.ให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ชดเชยกรณีที่เพื่อไทยอาจได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์น้อยลง และเมื่อศึกเลือกตั้งเสร็จสิ้น ก็ให้มาจับมือกับเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2561 มีผู้เกี่ยวข้องกับทางพรรครายหนึ่งได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนและแนวคิดของการตั้งพรรค ซึ่งในตอนนั้นจะเห็นได้ว่ามีการใช้คำเดียวกับนายทักษิณว่าเป็น "พรรคแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตย" เหนืออื่นใด ในวันประชุมที่มีมติเลือก ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าพรรค ผู้สื่อข่าวเคยตั้งคำถามว่า นโยบายของพรรคไทยรักษาชาติจะคล้ายกับเพื่อไทย หรือไทยรักไทยหรือไม่ ซึ่ง ร.ท.ปรีชาพล ให้คำตอบว่า "คนฉลาดจะไม่ปฏิเสธนโยบายในอดีตที่ประสบความสำเร็จ เกิดมาจากประชาชน อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยมาตลอด สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยทำคือดูถูกประชาชน วันนี้ไทยรักษาชาติพร้อมคุยกับทุกฝ่าย แต่พร้อมทำงานกับฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น" แม้จะดูเป็นคำตอบที่คลุมเครือ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นการแบ่งรับแบ่งสู้ ยอมรับอย่างกลายๆว่าพร้อมที่จะสืบสานต่อนโยบายของพรรคเพื่อไทย

ไทยรักษาชาติ

นอกจากนี้เมื่อสำรวจจากรายชื่อกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จะพบว่ามีทั้งมีอดีตแกนนำ และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงคนเก่าแก่มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับนายทักษิณทั้งสิ้น เช่นว่าตัวของหัวหน้าพรรค ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ลูกชายนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และยังเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทย กับนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าพรรค

รองหัวหน้าพรรค : น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย , นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล ,นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ และ  นายฤภพ ชินวัตร (ลูกชายนายพายัพ ชินวัตร)

เลขาธิการพรรค : นายมิตติ ติยะไพรัช (ลูกนายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำพรรคเพื่อชาติ) รองเลขาธิการพรรค : นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ , นายต้น ณ ระนอง (ลูกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) และนายวิม รุ่งวัฒนจินดา

กรรมการบริหารพรรค : รศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ , นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ

 น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ (ลูกสาวนางเยาวเรศ ชินวัตร)

นายทะเบียนสมาชิกพรรค : น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ (ลูกสาวนางเยาวเรศ ชินวัตร)

เหรัญญิกพรรค : นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ (ภรรยานายธาริต เพ็งดิษฐ์)

เพิ่มเติมด้วยบุคคลอีก 7 ราย คือ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง ศึกษาธิการ และโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ,น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ,นายพิชิต ชื่นบาน อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ,พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ,นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , นายวราวุธ ยันต์เจริญ , น.ส.สุทิษา ประทุมกุล อดีตเลขานุการส่วนตัวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

พรรคการเมือง

 

และที่ขาดไปไม่ได้คือนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ,อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และปัจจุบันเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ จะเห็นได้ว่ารายชื่อที่ไล่เรียงมาข้างต้นนั้น ล้วนแต่เคยเป็นมือเป็นไม้ให้รัฐบาลชินวัตรทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งพรรคไทยรักษาชาติมีประเด็นที่ทำให้ถูกเพ่งเล็งโดย คณะกรรมการการเลือกอยู่ก่อนแล้ว

เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2562 ที่ผ่านมานั้น ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการทำหนังสือเชิญนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ที่บินลัดฟ้าไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในช่วงวันเกิดของนายทักษิณ และอาจจะวาระอื่นๆ ให้ข้อมูลกับทาง กกต. เพื่อทำการตรวจสอบกรณีพรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการอันใดให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิกกระทำการอันใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมือง หรือสมาชิกขาดอิสระไม่ว่าโดยตรง หรือโดยอ้อม

ทักษิณ ยิ่งลักษณ์

ซึ่งทางด้านนายวรวัจน์ ก็ดูเหมือนจะปฏิเสธแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าตนเดินทางไปอังกฤษเพื่อเตรียมการทำร้านอาหารกับหลาน แต่ร่วมกับประทานอาหารจริงแต่แค่ครั้งเดียว  ส่วนคนอื่นๆ เป็นบุคคลที่ตนไม่รู้จักทั้งสิ้น แต่น่าสนใจว่าความตอนหนึ่งจากปากของนายวรวัจน์ ที่ไล่เรียงเหตุการณ์ในวันที่พบปะคนแดนไกลว่า ระหว่างรับประทานอาหารกับนายทักษิณนั้น มีสายโทรศัพท์จากบุคคลผู้หนึ่งได้รายงานถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของสมาชิกพรรคเพื่อไทย แก่นายทักษิณ ประมาณครึ่งชั่วโมง สาระสำคัญคือการให้ข้อมูลว่ามีใครเปลี่ยนขั้วไปอยู่พรรคฝั่งตรงข้าม 

ไม่ว่าบุคคลนิรนามที่อยู่ปลายสายสนทนาของนายทักษิณจะเป็นใครก็ดี แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ประจักษ์ชัดเพียงพอว่าพฤติการณ์มีความพยายามในการครอบงำพรรคที่อยู่ใต้อาณัติตนมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคไทยรักษาชาติ ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองอยู่ในขณะนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทษช.ถลำลึก!อ้างตามประสงค์ ทั้งที่ไตร่ตรองได้ ทำสถาบันเสียหาย???

"ทษช" เงิบไหม..? กกต. แจงแล้ว ไม่พบหลักฐานยุบ "พปชร" ชี้ มีแต่คำร้อง!

หลานชายทักษิณ รองหัวหน้าทษช. โผล่รับข้อหาไลฟ์มั่วข้อมูลฝุ่น PM2.5

นับถอยหลัง ‘ยุบ ทษช.’ ต้นไม้..ต้นที่ 4 “ไทยรักไทย” ..ในวันที่ใกล้สูญพันธุ์??