กลับวัดแทบไม่ถูก!! มหาเปรียญสิ้นท่า... เมื่อ "สมเด็จอ้วน" ชวนไปลองภูมิ "หลวงปู่มั่น" กะต้อนให้จนมุม ...แต่กลับเจอสุดยอดคำตอบชนิดที่หาไม่พบในตำราเล่มไหน!!

รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th

ครูบาอาจารย์ในอดีตเคยเล่าไว้ว่า  สมัยที่ "สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส)" ยังไม่เลิกทิฐิที่จะเอาชนะพระป่ากรรมฐานให้ได้นั้น ท่านถึงกับพาพระมหาเปรียญไปจับผิดพระอาจารย์ใหญ่แห่งวงศ์พระป่ากรรมฐานอย่าง "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" เลยทีเดียว

ดังเช่นในคราวงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถวัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี สมเด็จฯ ท่านไปเป็นประธานในงานนี้ ซึ่งหลวงปู่มั่นก็ได้รับนิมนต์ไปในงานนี้ด้วย

พอตกเย็น สมเด็จฯ ก็พาพระมหาเปรียญจากกรุงเทพฯ สองสามรูปไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ท่านต้องการจะให้พระมหาเปรียญที่คงแก่เรียนนั้นไปไล่ต้อนหลวงปู่มั่นให้จนมุมให้จงได้

พระมหาเปรียญเหล่านั้นก็ไม่มีใครกราบหลวงปู่มั่นตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกัน  คงจะถือว่าพวกตนเป็นพระของสมเด็จฯ หรือถือตัวว่าเป็นพระมหาเปรียญผู้แตกฉานในพระไตรปิฎก ส่วนพระป่าที่เอาแต่นั่งหลับตาไม่น่าจะรู้ธรรมะได้แตกฉานลึกซึ้งเท่า

 

กลับวัดแทบไม่ถูก!! มหาเปรียญสิ้นท่า... เมื่อ "สมเด็จอ้วน" ชวนไปลองภูมิ "หลวงปู่มั่น" กะต้อนให้จนมุม ...แต่กลับเจอสุดยอดคำตอบชนิดที่หาไม่พบในตำราเล่มไหน!!

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

กลับวัดแทบไม่ถูก!! มหาเปรียญสิ้นท่า... เมื่อ "สมเด็จอ้วน" ชวนไปลองภูมิ "หลวงปู่มั่น" กะต้อนให้จนมุม ...แต่กลับเจอสุดยอดคำตอบชนิดที่หาไม่พบในตำราเล่มไหน!!

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส)

ช่วงแรกมีการสนทนาไต่ถามทุกข์สุขและทำความคุ้นเคยกันพอสมควร  จากนั้น พระมหากลุ่มนั้นก็ตั้งปัญหาถามหลวงปู่มั่นว่า

"ในฐานะที่ท่านมีความชำนาญในสมาธิภาวนาจึงอยากจะถามท่านเกี่ยวกับเรื่องกสิณว่า  ท่านใช้วิธีเพ่งกสิณอย่างไร  เช่น  เพ่งดิน น้ำ ลม ไฟ หรือสีเหลือง แดง ขาว พวกนั้นมันเป็นอย่างไร ท่านใช้เพ่งอย่างไร ขอให้อธิบายด้วย"

การตั้งคำถามเหมือนกับข้อสอบเช่นนี้ก็เพราะพระมหากลุ่มนั้นหวังจะให้หลวงปู่มั่นตกหลุมพราง เพื่อจะได้เป็นหลักฐานกล่าวหาได้ว่า หลวงปู่มั่นและศิษย์ประพฤติปฏิบัติตนออกนอกรีตนอกรอยของพระพุทธศาสนา

ทว่าฝ่ายหลวงปู่มั่นกลับไม่ต้องรอคิดคำตอบ ... ท่านตอบทันทีว่า

"อ๋อ! นั่นก็กสิณเหมือนกัน...ที่เพ่งภายนอกนั้น  แต่มันเป็นกสิณของพวกฤๅษีชีไพร  ส่วนกสิณของพระพุทธเจ้า ท่านให้เพ่งน้อมเข้ามาในกายตน  เช่น  เพ่งไฟก็ไฟธาตุในตน  เพ่งน้ำก็น้ำเลือด น้ำดี น้ำหนอง น้ำเสลด  เพ่งดินก็ดูผม ขน เล็บ ฟัน  เพ่งลมก็ลมหายใจเข้าออก ลมระบายออกทางทวาร ลมวิ่งในกระเพาะ ลมตีขึ้นเบื้องสูง ลมตีลงเบื้องต่ำ  ส่วนการเพ่งสีนั้นก็เพ่งในร่างกายของเรานี้เอง  สีแดงก็เลือด สีเหลืองก็หนอง สีขาวก็กระดูก สีเขียวก็น้ำดี เพ่งให้เป็นธาตุปฏิกูล ความเปื่อยเน่า ความเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน

นี่คือกสิณของพระพุทธเจ้า ผู้ไกลจากกิเลส ... สำหรับผู้ไปเพ่งอย่างอื่นที่อยู่นอกตัวยังเพ่งไม่ถูกแน่!!"

เมื่อได้ฟังคำตอบของหลวงปู่มั่นเช่นนั้น พระมหาเปรียญผู้ถามถึงกับตะลึงงัน เพราะไม่คิดว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปเช่นนี้ ... แถมนั่นยังเป็นสุดยอดของคำตอบซึ่งอ่านในตำราจนจบก็ไม่สามารถหาได้!!

ผลสุดท้าย พระมหาเปรียญทุกรูปต่างก็ยอมจำนน... ไม่มีใครกล้าถามอะไรต่อไปอีก!!

 

กลับวัดแทบไม่ถูก!! มหาเปรียญสิ้นท่า... เมื่อ "สมเด็จอ้วน" ชวนไปลองภูมิ "หลวงปู่มั่น" กะต้อนให้จนมุม ...แต่กลับเจอสุดยอดคำตอบชนิดที่หาไม่พบในตำราเล่มไหน!!

กลับวัดแทบไม่ถูก!! มหาเปรียญสิ้นท่า... เมื่อ "สมเด็จอ้วน" ชวนไปลองภูมิ "หลวงปู่มั่น" กะต้อนให้จนมุม ...แต่กลับเจอสุดยอดคำตอบชนิดที่หาไม่พบในตำราเล่มไหน!!

---------------------------------------------------------------------------------------

ที่มา : Facebook - ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (ในเฟซบุ๊ก Sansanee Thaiubon)

ณัฐวุฒิ/สำนักข่าวทีนิวส์ : รายงาน