ตามรวบ มือฉกกระเป๋าร้านอะไหล่ยนต์ ข้างในมีทรัพย์สิน เกือบ 17 ล้าน

ตามรวบ มือฉกกระเป๋าร้านอะไหล่ยนต์ ข้างในมีทรัพย์สิน เกือบ 17 ล้าน สารภาพทั้งหมดเงิน 80,000 ใช้จนเหลือแค่ 8,000 แล้ว

วันที่ 20 ส.ค. 65  พ.ต.อ.พนม  เชื้อทอง  ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 ได้เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 65 เวลาประมาณ 10.30 น. ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสีย
หาย เจ้าของร้านขายอะไหล่รถยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร ย่านเยาวราชถูกฉกกระเป๋า โดยได้นำทรัพย์สิน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ไอแพด แอปเปิ้ล 1 เครื่อง นาฬิกา โรเล็กซ์ เรือนส้ม 1 เรือน นาฬิกา ปาเต๊ะฟิลิปป์ 1 เรือน นาฬิการิชาร์ด มิวล์ ฝังเพชร 1 เรือน เครื่องประดับ แหวนทองคำขาวล้อมเพชร 3 กะรัต 1 วง 2 กะรัต 1 วง  ต่างหู สร้อยมุก กำไลล้อมเพชร และเงินสด 80,000 บาท มีบัตรเครดิต สมุดบัญชีธนาคาร รวมราคาทรัพย์สินและกระเป๋า 16,900,000 บาท ใส่ในกระเป๋าถือสตรี สีครีม  แล้วนำวางไว้บริเวณโต๊ะทำงานในร้าน แล้วไหว้พระสวดมนต์ที่ชั้น 2 ของร้าน แต่เมื่อลงมาบริเวณโต๊ะทำงานสำรวจทรัพย์สินแล้ว กระเป๋าถือใบดังกล่าวได้หายไป จึงได้แจ้งความร้องทกข์ต่อ ร.ต.อ.ชัยสิทธิ์  คำผายจันทร์  รอง สว.(สอบสวน)สน.พลับพลาไชย 2  
 

ตามรวบ มือฉกกระเป๋าร้านอะไหล่ยนต์ ข้างในมีทรัพย์สิน เกือบ 17 ล้าน

 

ต่อมา พ.ต.อ.พนม   สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน และ สอบสวน  สน.พลับพลาไชย 2 ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในร้าน พบคนร้ายเป็นชาย 1 คน เข้าเดินเข้ามาในร้านแล้วขโมยกระเป๋าถือแล้วเดินออกนอกร้านไป ทำการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านต่างๆ  และกล้อง CCTV ที่ติดตั้งตามจุดต่างๆ ตามนโยาบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข  ผบ.ตร. ที่สามารถดูกล้องต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็ว 

 

ตามรวบ มือฉกกระเป๋าร้านอะไหล่ยนต์ ข้างในมีทรัพย์สิน เกือบ 17 ล้าน

พ.ต.อ.พนม กล่าวต่อว่า พบว่าคนร้ายได้เรียกรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง วิ่งไปจอดที่บริเวณทางลงสะพานปิ่นเกล้า ใกล้ปากซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 3  คนร้ายได้เดินถือกระเป๋าสตรีดังกล่าวเข้าซอย แล้วเดินออกจากซอย ทีมสืบสวนสอบสวน ได้ลงพื้นที่ในซอยดังกล่าว ได้ตรวจหา พบกระเป๋าถือสตรีวางอยู่ที่พงหญ้าในซอยเล็กๆ จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง แต่ไม่พบตัวคนร้าย  และปรากฎภาพ CCTV คนร้ายได้เดินออกจากซอยเรียกรถแท็กซี่อีกคัน มุ่งหน้าไปทางถนนบรมราชชนนีขาออก - พระราม 2 แล้วส่งที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี 

ก่อนประสางาน กับ พ.ต.อ.วันชัย  ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี สนธิกำลังทีมสืบสวนร่วมสืบสวนจนทราบว่า คนร้ายคือ นายศักดิ์ดา หรือ แชมป์  สว่างพราว ผู้ต้องหา อายุ 25 ปี พักอาศัยอยู่ย่าน ต.บางจาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี 

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับ ต่อมา วันที่ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 17.00 น. ได้พบตัวผู้ต้องหา พร้อมเสื้อผ้าที่สวมใส่วันก่อเหตุ สอบถาม นายศักดิ์ดา หรือ แชมป์  สว่างพราว ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุขึ้นรถไฟจาก จว.เพชรบุรี ลงรถไฟแล้วนอนพักที่หัวลำโพง เดินเตร็ดเตร่ไปตามถนน ถึงร้านขายอะไหล่รถ มองไปในร้านเห็นกระเป๋าสตรีวางอยู่ จึงอยากได้เงิน  แล้วได้ก่อเหตุลักทรัพย์กระเป๋าสตรีของผู้เสียหายจริง นำเงินในกระเป๋าไป 80,000 บาทเศษ นำไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่ เหลืออยู่ที่ตัว 8,000 บาท 

 

ตามรวบ มือฉกกระเป๋าร้านอะไหล่ยนต์ ข้างในมีทรัพย์สิน เกือบ 17 ล้าน

 

พ.ต.อ.พนม กล่าวต่อว่า จนวันที่ 20 สิงหาคม 2565  ผู้ต้องหาได้สมัครใจนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ จุดที่เดินเข้าไปลักเอากระเป๋า เส้นทางหลบหนี ขึ้นรถแท็กซี่คันแรก เปิดกระเป๋านำเงินสดออกจากกระเป๋าถือสตรี ลงจากรถนำกระเป๋าถือทิ้งไว้พงหญ้า แล้วเรียกรถแท็กซี่คันที่สอง ว่าจ้างให้ไปส่งที่ จ.เพชรบุรี  คดีนี้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวให้ผู้ต้องหาทราบว่า ลักทรัพย์โดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ 

 

ตามรวบ มือฉกกระเป๋าร้านอะไหล่ยนต์ ข้างในมีทรัพย์สิน เกือบ 17 ล้าน

ขณะที่ ทางด้านผู้เสียหายกล่าวชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เทคโนโลยี่จากกล้อง CCTV ที่เชื่อมต่อดูได้อย่างรวมดเร็ว จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมทรัพย์สินคืน

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline