- 19 ม.ค. 2566
อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง "ตู้ห่าว" กับพวกรวม 41 คน สมคบค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่ ประสานตำรวจจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี มาส่งฟ้องต่อศาล
19 ม.ค.66 อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง"ตู้ห่าว" นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ กับพวกตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 และอัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวแล้ว
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดจึงได้มีคำสั่งฟ้องนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์กับพวกรวม 41 รายในความผิดฐาน
- สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4โดยกระทำการในลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม
- ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1โดยไม่ได้รับอนุญาต
อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืน
ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน
- ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน
-สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน
-เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายดำเนินงาน
ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
- ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
- ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
- ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุมและในวันนี้ (19 มกราคม 2566) เวลา 15.00 น.อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้สำนักงานคดียาเสพติดสำนักงานอัยการสูงสุดนำคำฟ้องจำนวน 332หน้าไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainews