แจ้งความแก๊งแสบ ป้าเมย์ ไร่ทิพย์ สวมรอยเปิดบัญชีม้าหลอกคนไปออสเตรเลีย

หญิงเจ้าของบัญชีม้าถูกแก๊ง "ป้าเมย์ ไร่ทิพย์"เอาไปใช้หลอกทำงานออสเตรเลีย แจ้งความ ปคม. ยืนยันไม่เกี่ยวข้องขบวนการหลอกไปทำด้านเกษตรกรรมและโรงงานที่ออสเตรเลีย

หญิงเจ้าของบัญชีม้าถูกแก๊ง "ป้าเมย์ ไร่ทิพย์"เอาไปใช้หลอกไปทำงานออสเตรเลีย แจ้งความ ปคม. ยืนยันไม่เกี่ยวข้องขบวนการหลอกไปทำด้านเกษตรกรรมและโรงงานที่ออสเตรเลียหลังแจ้งความตำรวจออสเตรเลียแล้ว รีบเดินทางกลับมาประเทศไทย ก่อนเข้าแจ้งความ ปคม. ก่อนหน้ามีผู้เสียหายถูกหลอกไปทำงานทยอยเข้าแจ้งความ ปคม.แล้ว 2 กลุ่ม กว่า 40 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10  ล้านบาท

 

แจ้งความแก๊งแสบ ป้าเมย์ ไร่ทิพย์ สวมรอยเปิดบัญชีม้าหลอกคนไปออสเตรเลีย

 

แจ้งความแก๊งแสบ ป้าเมย์ ไร่ทิพย์ สวมรอยเปิดบัญชีม้าหลอกคนไปออสเตรเลีย

 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 ส.ค.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นาง เอ (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี ชาวบุรีรัมย์ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ออสเตรเลีย และนาง บี (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี ชาวบุรีรัมย์ เดินทางเข้าพบ พงส.บก.ปคม.แจ้งความเอาผิด นางกัลยาณี หรือ "ป้าเมย์ ไร่ทิพย์" อายุ 58 ปี กับพวกรวม 4 คน ที่ตั้งตัวเป็นนายหน้าหลอกลวงคนไทยที่ต้องการไปทำงานด้านเกษตรกรรมและโรงงานที่ประเทศออสเตรเลีย ร่วมกันฉ้อโกง

นางเอ เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาจากออสเตรเลีย วันนี้ตนมาแจ้งความ ตำรวจ ปคม.กรณีถูกหลอกเอาบัญชีธนาคารไปใช้หลอกลวงคนไทยที่ต้องการไปทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย

 

แจ้งความแก๊งแสบ ป้าเมย์ ไร่ทิพย์ สวมรอยเปิดบัญชีม้าหลอกคนไปออสเตรเลีย

 

ตนเองแต่งงานอยู่กินกับสามีชาวออสเตรเลียที่รัฐวิกตอเรีย ปกติตนทำธุรกิจซื้อขายสินค้าส่งมาที่ประเทศไทย เวลาใครต้องการสั่งซื้อพวกน้ำหอม อาหารเสริม นมผึ้งน้ำมันปลาและอื่นๆ หรือเครื่องสำอางจากออสเตรเลีย ก็มักจะชำระเงินที่บัญชีธนาคารในประเทศไทยของตน 

 

ปรากฎว่าเมื่อเดือน ก.ย.ปี 65 มีนายหมี หรือ มาร์ค คนไทยด้วยกันมาติดต่อขอเลขบัญชีธนาคารของตน อ้างว่ามีคนแนะนำมา บอกว่าน้องสาวเขาจะส่งเงินมา ให้เพื่อฝากซื้อของที่ออสเตรเลีย จึงอยากขอแลกเงินกับตน จึงให้หมายเลขบัญชีธนาคารไปแลกเปลี่ยนเงินและบางครั้งนายมาร์ค ก็จะส่งเงินกลับเมืองไทยเพื่อทำบุญก็จะมาใช้บัญชีธนาคารของตน

ต่อมานายมาร์คได้แนะนำผ่านเฟซบุ๊กให้รู้จักและเป็นเพื่อนกับ "ป้าเมย์" อ้างว่าเป็นหญิงคนไทยที่ไปแต่งงานอยู่กินกับสามีชาวออสเตรเลีย บอกว่า ป้าเมย์เป็นนายจ้าง เขา เป็นคนมีฐานะร่ำรวย เป็นเจ้าของธุรกิจและมีงานประจำคือเป็นหมอ ทำงานพิเศษ อยู่ห้องแล๊ปประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในออสเตรเลียด้วย

นอกจากนั้นยังทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ในออสเตรเลียด้วย มีฟาร์มผลไม้ 14 แห่ง และ โรงบ่มไวน์ ด้วยความเป็นคนพูดจาดีเห็นเป็นคนไทยด้วยกันจึงหลงเชื่อ 

ต่อมาป้าเมย์ , มาร์ค ร่วมกับสามีและเพื่อนสามี เปิดบริษัทฯ หาแรงงานมาทำงานฟาร์ม เกษตรกรรม ปศุสัตว์และโรงงาน ต้องการแรงงานจำนวนมาก มีหุ้นส่วนดูแลอยู่ในประเทศไทยด้วย เปิดบริษัทที่จัดตั้งขึ้นกับกรมแรงงานเรียบร้อยแล้ว ตามกฎหมาย ชื่อ ว่า บริษัท"งานเพื่อชีวิต"มีการยิงแอดฯ ในเฟซบุ๊ก เมื่อให้ญาติที่เมืองไทยทดลองติดต่อก็ยืนยันว่า ป้าเมย์เป็นหุ้นส่วนจริง สร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น 

โดย ป้าเมย์จะให้เครดิต ตนสามารถเอาคนมาทำงานได้ ตนจึงชักชวนญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ที่ต้องการจะไปทำงานเกษตรฯ ที่ออสเตรเลีย ตั้งแต่ ก.ย.65 มีคนสนใจแต่บอกยังไม่มีเงินค่าใช้จ่าย ตนเองจึงเอาเงินส่วนตัวซัพพอร์ต ออกให้แต่ละคนไปก่อน  คนละ 6-7 หมื่นบาท เรียกค่าโน้นนี่ ค่าทนาย ก็โอนไปให้ป้าเมย์กับสามี เรื่อยมา 

เดือน เม.ย.ป้าเมย์บอก มีหนังสืออ้างว่าจากกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียให้ไปตรวจสุขภาพ แต่ก็ยังไม่ได้ไป
หลังจากนั้นก็แจ้งมาใหม่ว่าเปลี่ยนเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวแทน ก็ยังไม่ได้ไปอีก

พอเดือน มิ.ย.เห็นข่าวมีคนมาแจ้งความ ปคม.เอาผิดป้าเมย์หลอกคนไทยไปทำงานออสเตรเลีย จึงรู้ว่าถูกแก๊งป้าเมย์หลอกใช้บัญชีธนาคารของตนรับโอนเงินหลอกแรงงานไปทำงานต่างประเทศ และยังถูกผู้เสียหายในเมืองไทยอายัดบัญชีด้วยจึงไปแจ้งความไว้ที่ตำรวจเมือง Mildura รัฐ วิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ มิ.ย. ว่าตนก็ถูกป้าเมย์กับพวกหลอกเอาบัญชีฯไปใช้ฉ้อโกงหลอกลวงคนไทยที่ต้องการมาทำงานในออสเตรเลีย เบื้องต้นตนเสียเงินค่าใช้จ่ายให้ญาติพี่น้องที่ต้องการไปทำงานจำนวนล้านกว่าบาท รวมคนอื่นที่โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารตนทั้งสิ้น 3.9 ล้านบาท

 

แจ้งความแก๊งแสบ ป้าเมย์ ไร่ทิพย์ สวมรอยเปิดบัญชีม้าหลอกคนไปออสเตรเลีย


วันนี้ได้นำหลักฐานสลิปโอนเงินทั้งธนาคารในประเทศไทยและออสเตรเลีย รวมทั้งใบแจ้งความตำรวจออสเตรเลีย
และพา น.ส.บี เพื่อนคนไทยที่ไม่ได้ไปทำงานออสเตรเลียมาพบพนักงานสอบสวน บก.ปคม.เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตนเอง และแจ้งความเอาผิด ป้าเมย์และพวกทั้ง 4 คนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้แจ้ง รวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป