- 23 ก.พ. 2567
สาเหตุการเสียชีวิต "น้องนุ่น" สาววัย 27 โดน "ศิริชัย" ผัวสุดที่รักทำร้าย ก่อนเผาอำพรางในสวนยาง ผลตรวจ DNA ยืนยันชัด
ความคืบหน้า "คดีน้องนุ่น" ที่ถูก นายศิริชัย หรือ "ทอย" อายุ 33 ปี ผู้เป็นสามีทำร้ายร่างกาย จนเสียชีวิตและได้มีการนำร่างไปเผาอำพรางคดีที่สวนยางแห่งหนึ่งใน จ.ปราจีนบุรี ก่อนจะยอมเปิดปากสารภาพว่าเป็นคนทำ โดยใช้อิฐทุบ
ก่อนหน้านี้ นายชัยยา อายุ 49 ปี พ่อของ น้องนุ่น ผู้เสียชีวิต ได้มีการให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังจบรายการโหนกระแส นายชัยยา กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงแรกที่ตนได้ข่าวว่าลูกสาวหายตัวไปหลังทะเลาะกับสามีและโดดลงจากรถขึ้นแท็กซี่นั้นตอนนั้นรู้สึกว่าแปลกใจแล้ว ตนคิดว่าลูกสาวอาจจะทะเลาะกับสามีแล้วอยากหนีไปพักที่ไหนสักที่ประมาณ 2-3 วัน แล้วก็คงกลับมา
แต่หลังจากตนมาเห็นข่าวที่แม่ของน้องนุ่นให้สัมภาษณ์ ตนรู้สึกตกใจกับคำพูดของทอยที่บอกกับแม่น้องนุ่นว่า ให้ทำใจเอาไว้ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนมองว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะพูดออกมาหรือไม่ จนมาทราบข่าวในภายหลังว่าลูกสาวของตนได้เสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นตนโกรธและเสียใจมากไม่คิดว่านายทอยจะกล้าลงมือทำร้่ยลูกสาวของตนได้ขนาดนี้
ทั้งนี้ในช่วงประมาณปี พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา น้องนุ่นก็เคยโทรมาเล่ากับตนว่าถูกนายทอยทำร้ายร่างกาย ซึ่งก็คือช่วงที่มีภาพจากกล้องวงจรปิดที่นายทอยได้ทำร้่ยร่างกายน้องนุ่นบริเวณหน้าลิฟต์ ซึ่งหละงจากเหตุการณ์ดังกล่าวตนก็ขอให้ลูกสาวของตนเลิกคบหากับผู้ชายคนนี้ ตัวของน้องนุ่นก็ได้มีการรับปากว่าจะเลิก แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้กลับมาคบหากันอีกครั้ง ซึ่งลูกสาวได้มีการตั้งท้อง ในตอนนั้นตนก็ได้ไปเข้าร่วมพิธีผูกข้อไม้ข้อมือที่ จ.อุบลราชธานี
"ยอมรับว่าตนยังคงไม่เห็นดีเห็นงามกับผู้ชายคนนี้ โดยท่าที่ของฝ่ายชายนั้นเป็นคนที่ดูเชื่อถือไม่ได้ ชอบวางมาดว่ามีเงินมีทอง"
อีกทั้งนายทอยยังเคยนำเฟซบุ๊กส่วนตัวของน้องนุ่น มาใช้ด่าทอตนแบบหยาบคาย ซึ่งตนเขื่อว่าการกระทำดังกล่าวนั้นน่าจะมาจากการที่นายทอยไม่พอใจที่ตนเหมือนจะกีดกันความรักของคนทั้งสอง
แม้ตนจะคอยเตือนลูกสาวของตัวเองมาเสมอแต่ลูกสาวก็ยังคบกับนายทอยเรื่อยมา ซึ่งตนเชื่อว่าลูกสาวของตนน่าจะรักผู้ชายคนนี้มาก ส่วนตัวแล้วจากการกระทำทั้งหมดตนไม่เชื่อว่านายทอยจะมีอาการทางจิต เนื่องจากตนก็เห็นว่านายทอยดูมีสติครบทุกอย่างและเชื่อว่าหากไม่พบศพน้องนุ่น นายทอยก็คงจะไม่ยอมรับผิด
"อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเรื่องการวางแผนและหากกฎหมายบ้านเรายังคงศักดิ์สิทธิ์ ตนอยากจะให้คนทำผิดได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิต เพราะตนเชื่อว่านายทอยไม่ไดเสำนึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป"
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุดพล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า จากผลการตรวจดีเอ็นเอของร่างที่ถูกเผานั่งยางที่ป่ายาง ที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อนำมา เปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของแม่น้องนุ่น ปรากฏว่าดีเอ็นเอตรงกันมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน
โดยยืนยัน ศพที่พบดังกล่าว คือ น้องนุ่น ชลลดา สาววัย 27 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประสานให้ตำรวจเจ้าของคดีบอกครอบครัวให้มารับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.สุพิไชย กล่าวต่อว่า นอกจากการตรวจดีเอ็นเอแล้วยังนำกะโหลกของน้องนุ่นไปสลายเนื้อเยื่อเพื่อตรวจหาร่องรอยบาดแผล ซึ่งพบว่าศีรษะมีรอยแตกที่บริเวณแก้มเข้าเบ้าตา ร้าวไปยังกระดูกสันจมูกและกระดูกกกหูด้านขวา โดยรอยร้าวดังกล่าวเกิดจากของแข็งไม่มีคมกระทบเข้าอย่างรุนแรง นำพามาซึ่งการเสียชีวิต