แถลงผลการจับกุมชาวจีนและสิงคโปร์ ตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ Hybrid scam ขบวนการใหญ่ พร้อมทั้งยึดทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท เงินสดจำนวน 80 ล้าน เป็นของกลางจากปฏิบัติการ The Purge กวาดล้างอาชญากรข้ามโลก

17 เม.ย.67  นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าว “ ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรข้ามโลก จับต่างชาติตัวการแก๊ง Hybrid Scam ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 250 ล้านบาท เตรียมเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหาย
 


โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสว่า ขบวนการดังกล่าววจะมีการลำเลียงขนย้ายเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายส่งข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้นำกำลังตั้งจุดตรวจ พบรถเก๋งต้องสงสัย ขับเข้ามาที่ด่านตรวจห้วยละอุ ต.ด่านแม่ละเมา อ.แม่สอด จ.ตาก จึงได้ทำการตรวจสอบก็พบ นายสุรัตน์ นามบุญ และนายกันต์นภนต์ คำแดง อยู่ในรถดังกล่าว พร้อมถุงผ้า 5 ใบ ภายในมีเงินสดรวม 80 ล้านบาท จึงได้คุมตัวไปสอบสว

 

น โดยทั้งสองให้การว่าได้รับการว่าจ้างให้ขนเงินมาจาก อ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนที่จะนำเงินดังกล่าวออกนอกประเทศทางช่องทางธรรมชาติ เพื่อไปยังเมียวดี ได้ค่าจ้าง 5 พันบาท

ปฏิบัติการ The Purge กวาดล้างอาชญากรข้ามโลก ยึด 250 ล้าน เฉลี่ยคืนผู้เสียหาย

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้แถลงถึงผลการปฏิบัติการดังกล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนในลักษณะ Hybrid Scam ซึ่งคนร้ายใช้วิธีการชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ปลอม จากนั้นให้ผู้เสียหายซื้อเงินสกุล USDT และโอนไปตามเลขกระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่คนร้ายระบุ ก่อนที่จะถูกโอนเข้าบัญชีของแพลตฟอร์มเทรดเงินดิจิทัล


 จากนั้น ตำรวจไซเบอร์สืบสวนจนได้ข้อมูลพบว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลดังกล่าวคือ นายซู (Mr.Shaoxian Su) สัญชาติจีน ที่ตอนนี้หลบหนีอยู่ และยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงนอมินีรูปแบบนิติบุคคลสัญชาติไทยที่เชื่อว่าจดทะเบียนเพื่ออำพรางการทำธุรกรรม สำหรับพฤติการณ์ของคนร้ายจะใช้วิธีการสุ่มติดต่อหาประชาชนผ่านแพลตฟอร์มสื่อโซเชียล ชักชวนพูดคุย และสอนการลงทุนเทรดคริปโต และจากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่าปลายทางของเงิน ถูกนำไปผ่านกระบวนการฟอกเงินด้วยระบบการเงิน

จากการสอบสวนขบวนการดังกล่าว  ทำให้ตำรวจออกหมายจับ ได้ 26 คน และขอหมายค้นเป้าหมายสำคัญ จำนวน 4 จุด ในพื้นที่ เชียงใหม่ ตาก ชลบุรี และ กทม. ทำให้จับผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 4 คน

  • นายวศิษฎ์ อายุ  31  ปี ทำหน้าที่ ฟอกเงินผ่านดิจิตอล 
  • น.ส.สิรภัทร อายุ  25  ปี เจ้าของบัญชี
  • นายตงเจี้ยน สัญชาติ จีน อายุ  45 ปี ผู้รับผลประโยชน์
  • นายเว่ย คิง เคก สัญชาติ สิงคโปร์ อายุ 41 ปี ทำหน้าที่จ้างวานเปิดบัญชีนิติบุคคลและบริหารจัดการทรัพย์สิน

โดยทั้ง 4 ผู้แจ้งข้อหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนอันเป็นปกติธุระโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ร่วมกันเป็นซ่องโจร,ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

 

ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯและ ร่วมกันฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน” ส่วนของกลาง ยึดบัญชีเงินฝาก ยอดเงินจำนวนประมาณ 40 ล้านบาทเศษ  บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท  และ เงินสด จำนวน 80 ล้านบาท  รถยนต์หรู รวมมูลค่าทั้งสินประมาณ 252.5 ล้านบาท 

 

โดยที่ผ่านมาผ่านมาหลังการตรวจสอบทรัพย์ สินทั้งหมด จะมีการเฉลี่ยคืนให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในกระบวนการขั้นตอนของศาล โดยหากผู้เสียหายจะขอทรัพย์คืนจะใช้เวลาประมาณ ปีกว่า

 แบ่งออกเป็น ผู้ต้องหาแจงทรัพย์ 90 วัน ผู้เสียหายยื่นขอทรัพย์ 90 วัน บวกลบ 20 วัน และกระบวนการศาลพิจารณา ประมาณ 1 ปี ผู้เสียหายถึงจะได้ทรัพย์คืน