*อันตรายถึงชีวิต!!! “ฮอทด็อก” อาหารที่ทุกคนต้องเคยกิน แต่รู้หรือไม่ “กินแล้วก่อโรคร้าย” ที่คุณคาดไม่ถึง เช็กด่วน ก่อนสายเกินไป!!! (ชมคลิป)

 

          คุณคงเคยได้ยินคำโบราณที่ว่า ‘การรับประทานแอปเปิ้ลวันละหนึ่งผลจะทำให้ชีวิตห่างไกลจากโรค’ ทว่าการรับประทานฮอทด็อกวันละหนึ่งชิ้นจะให้ผลในทางตรงกันข้าม ฮอทด็อกเป็นหนึ่งในอาหารว่างของชาวอเมริกันที่ขึ้นชื่อมากที่สุดโดยมีผู้บริโภคมากกว่าเจ็ดพันล้านคน

           ขณะเดียวกันฮอทด็อกก็ยังเป็นอาหารก่อมะเร็งอันดับหนึ่งซึ่งถือว่าอันตรายต่อสุขภาพของคุณอย่างแท้จริง ฮอทด็อกถูกนำเข้ามาในอเมริกาครั้งแรกโดยผู้อพยพชาวเยอรมันเมื่อศตวรรษที่ 19 และไม่นานนักก็กลายเป็นอาหารยอดนิยมอย่างมากจวบจนถึงปัจจุบัน

 

***ฮอทด็อกอาหารสุดอันตราย***

          รายงานจากแผนกวิจัยขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เปิดเผยว่าเนื้อสัตว์แปรรูปรวมถึงเนื้อแดงทำให้เกิดโรคมะเร็ง เมื่อพิจารณาถึงส่วนผสมและกระบวนการผลิตของฮอทด็อกคุณจะไม่แปลกใจเลยที่พบว่าอาหารซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลกนี้ได้ซุกซ่อนอันตรายไว้อย่างมหาศาล ฮอทด็อกคือส่วนผสมของเนื้อหมู เนื้อวัว และเนื้อไก่ซึ่งเหลือมาจากเนื้อสเต็กหรือเนื้อหมูติดซี่โครงรวมถึงอวัยวะของสัตว์ต่างๆที่ถูกชำแหละในโรงงาน เช่น เท้า ศีรษะ ผิวหนัง และเนื้อเยื่อไขมัน

              จากนั้นของเหลือเหล่านี้ก็จะถูกนำไปบดและปั้นให้เป็นก้อนหนา ตามด้วยใส่สารเติมแต่งเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นเกลือ ผงชูรส น้ำเชื่อมข้าวโพด กรดดินประสิว และสารเคมีอื่นๆ นอกจากนี้ฮอทด็อกยังมีส่วนผสมของไขมันและเกลือจำนวนมากบวกกับสารกันบูดอย่างโซเดียมไนเตรทและไนไตรท์ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง เมื่อสารเติมแต่งสองชนิดนี้ผสมกับเอมีนซึ่งมีอยู่ในเนื้อแปรรูปและถูกความร้อนสูงเข้าก็จะกลายเป็นไนโตรซามีน ไนโตรซามีนมักจะเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งตับอ่อน กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ และลำไส้ใหญ่

***ฮอทด็อก***

           คณะกรรมการแพทย์ด้านเวชกรรม (PCRM) อ้างว่าฮอทด็อกมีอันตรายพอๆกับการสูบบุหรี่ สถาบันเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งเผยว่าการรับประทานฮอทด็อกวันละ 1 ชิ้นเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มากถึงร้อยละ 21 ข้อมูลเหล่านี้น่าตกใจมากพอที่จะทำให้คุณต้องทบทวนการเลือกรับประทานอาหารบ้างไหม? ถ้าไม่ก็อย่าแปลกใจหากแพทย์วินิจฉัยว่าคุณเป็นโรคร้ายซึ่งก็อาจจะสายเกินแก้แล้ว นี่คือวิดีโอที่แสดงให้เห็นถึงกรรมวิธีการผลิตฮอทด็อก

ที่มา: issue247