แหวนแหวน ทุกข์ระทม เข้า - ออก รพ.เหมือนบ้าน เกือบแก้ไม่หายเพราะกินเยอะเกินไป

แหวนแหวน ทุกข์ระทม เข้า - ออก รพ.เหมือนบ้านหลังที่สอง เกือบแก้ไม่หายเพราะกินเยอะเกินไป กลับมาให้หายคิดถึงอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายจากหน้าจอทีวีไปนานพอควร ล่าสุด แหวนแหวน ปวริศา พิธีกรสาวสุดแซ่บ ได้ออกมาเล่าถึงอาการป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลทุกปี เพราะมีหลายโรครุมเร้า ทั้งกรดไหลย้อน ทั้งไทรอยด์ แถมยังเคยเจอมะเร็งเต้านมตั้งแต่อายุยังน้อย 

นอกจากนี้ แหวนแหวน ยังเผยการลดน้ำหนักผิดวิธีจนทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง แถมยังตอบแบบหมดเปลือกในทุกๆประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มี ชมพู่ ก่อนบ่าย และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการในเทปนี้ ซึ่งแหวนแหวนได้เริ่มต้นเล่าว่า ทุกปีต้องเข้าโรงพยาบาลโรคเดิมตลอด เกี่ยวกับท้อง กระเพาะ 

แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือทำตัวเองหมด อย่างปีนี้เปิดมาต้นปีตั้งมั่นเป็นมิชชั่นว่าจะไม่เข้าโรงพยาบาล สรุปเข้าโรงพยาบาลเป็นกรดไหลย้อน ช่วงปีใหม่มีความสุขกับการกินมาก กินเยอะผู้ชายกลัว กินเหมือนปอบ พอกลับมากรุงเทพฯเราคิดว่าจะคุมปริมาณ จากหูรูดกระเพาะที่มันขยายมันหดกลับไปไม่ทัน ทำให้น้ำกรดในกระเพาะกระฉอกออกมา ทรมานมาก วันแรกไม่เท่าไหร่วันที่สองคือไม่ไหวแล้ว

"อาการมันจะมวนท้อง จะอ้วกตลอดเวลา พะอืดพะอม เราเลยต้องไปเช็คหน่อยว่าเป็นอะไร ไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็คือเป็นกรดไหลย้อนเพราะกินเยอะเกินไป แบ่งอาหารค่อยๆ กินเป็นมื้อเล็กๆ อยู่เป็นอาทิตย์ เพื่อให้กระเพาะมันปรับสภาพ" เธอเล่าอธิบายเพิ่มเติม

แหวนแหวน เล่าต่อไปว่า เธอเข้าโรงพยาบาลเพราะเรื่องกินทุกปี พอเพื่อนๆ เห็นลงไอจีบอกไม่สงสารแล้วจะด่า ทุกปีต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยเรื่องของท้องที่เกี่ยวกับการกิน ซึ่งก็กลัวจะส่งผลให้เป็นโรคอื่นๆ ตามมาเหมือนกัน แต่คุณหมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรที่ร้ายแรง แต่อาจส่งผลในระยะยาวได้ เหมือนไปทำให้ระบบมันรวนบ่อยเกิน ก็ระมัดระวังนิดนึง คือเราไม่มีความพอดีสักอย่าง ให้งดอันนี้ก็ไปกินอันนั้นแทน สุดท้ายคุณหมอบอกให้เดินทางสายกลางอย่าไปกินอะไรที่มันเยอะเกินไป

เธอเล่าถึงสาเหตุที่เกิดจากการกินอาหารที่ร่างกายแพ้ ซึ่งเธอ แพ้สตรอเบอร์รี่ แพ้กลูเตน ของชอบหมดเลย ก็กินแต่ลดลง เมื่อก่อนติดขนมมากข้าวปลาอาหารไม่กิน กินแต่ขนม ไปตรวจทีหลังก็เพิ่งรู้แพ้กลูเตน ขนมคือกลูเตนทั้งนั้น มีช่วงนึงลดความอ้วนไม่กินข้าวเลย กินคุ้กกี้ชิ้นใหญ่ๆ วันละ 6 ชิ้น กลายเป็นร่างกายได้แต่สิ่งที่แพ้คือกลูเตน

"น้ำหนักลงเยอะพอสมควรเลย เพราะกินแต่คุกกี้ไม่กินอย่างอื่นเลย เพราะรักขนมมาก เราเลือกที่จะไม่กินข้าวดีกว่าแต่ขาดขนมไม่ได้ ก็เข้าโรงพยาบาลไม่ถ่ายอาทิตย์นึง กินอะไรก็อ้วกออกมา หมอส่องกล้องลำไส้เหมือนแป้งเปียก คือมันไม่มีไฟเบอร์ที่ช่วยเรื่องถ่าย กลูเตนมันเป็นเหมือนกาวในตัวมันอยู่แล้วมันติดเต็มลำไส้ไปหมดเลย ไม่มีอาหารอื่นใดๆ เลย ทำให้ลำไส้ตัน" 

แหวนแหวน ปวริศา ยังบอกอีกว่า เป็นอุทาหรณ์ให้คนลดน้ำหนักผิดวิธี เพราะพอลดขนมไปกินไฟเบอร์ ก็ค้นว่ามันมีบุกที่เป็นเม็ดไฟเบอร์ เอามาผสมกินกันพวกนมชา กินเป็นชานมไข่มุกเลย วันละ 10 กว่าซอง กินทั้งวัน เพื่อนๆ ก็เตือนเยอะไปมั้ย สุดท้ายอาการเดิมถ่ายไม่ได้ อาเจียนอีก กินเยอะมากจนไฟเบอร์ออกมาไม่ทันไปบวมในกระเพาะ ค้างอยู่ข้างใน สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องรอให้มันค่อยๆ  ดันย่อยออกมา

เธอยังเล่าต่อไปอีกว่า มีครั้งนึงลดน้ำหนักจนจิตตก ก็คือขนมก็ขนมหนักเกิน ไฟเบอร์ก็ไฟเบอร์หนักเกิน ไม่เคยลดโหดทีแค่รอบเดียว เราไปถ่ายแบบคงคิดว่าคอมพิวเตอร์คงช่วยได้บ้าง แต่พอดีจะวันเกิดงานวาระแห่งชาติ ฉันต้องสวย 360 องศา ก่อนวันเกิดไปเก็บไข่ ซึ่งฉีดฮอร์โมนแล้วกินเยอะมาก ตัวบวมน้ำหนักขึ้น หลังจากนั้นไปฝรั่งเศส อิตาลี ก็ขึ้นมาอีก 2 กิโล รวมเป็น 6 กลมไปหมดเลย อีกเดือนนึงวันเกิด 

"รอบนั้นเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ลดจริงจังไม่เคยลดอย่างนั้นเลย เพราะเป็นคนที่รักการกินมาก ถ้าไม่กินขอตายดีกว่า รอบนั้นลง 5-6 โล ตอนนั้นจิตตกเครียดเพื่อนชวนไปกิน เราก็บอกไม่ได้ฉันมีโควต้า ร้องไห้ จิตตก ทำไมมันไม่ลง ทำไมลงช้า บางทีเห็นขนมแล้วเราอยากกิน" แหวนแหวน ปวริศา เล่าอย่างขยาดเมื่อนึกถึง

แต่เธอก็ยังบอกว่า ตนเองไม่ได้คลั่งผอม ทั้งชีวิตลดน้ำหนักจริงๆ มีแค่รอบนั้นรอบเดียว จะไม่ค่อยปล่อยตัวเองให้หลุดไปไกล กระทั่งล่าสุดเจอโรคไทรอยด์ซึ่งเป็นโรคที่เคยพูดกับเพื่อนๆ ว่ากลัวโรคนี้มาก เพราะไม่อยากอ้วน ชอบกิน จริงๆ ไม่รู้ตัวว่าเป็น เราเป็นคนที่โชคดีกินขนมเยอะไม่อ้วนมาก ระบบเผาผลาญดี 

"แต่ช่วง 2 ปีที่แล้วไปเบลเยียมเมืองช็อกโกแลต กินเยอะมาก ก็คิดว่ากลับมาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ลง กลับมาไม่ลงผ่านไปอีก 2 เดือนก็ยังไม่ลง เราก็ตรวจเช็คร่างกาย เจอว่าเป็นไทรอยด์แบบอ้วน ก็กินยามา" แหวนแหวนป่วยหลายโรครุมเร้า เล่าถึงความทุกข์ระทม

นอกจากนี้เธอยังเล่าถึงตอนอายุ 23 ไปตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมอีกว่า ตอนนั้นไปรับงานอีเวนท์ที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้หญิงมาตรวจมะเร็งเต้านม มันมีช่วงเสวนาที่เราไม่รู้จะทำอะไรไปลองตรวจดูปรากฏว่าเจอ เราไปตรวจซ้ำอีก 3 โรงพยาบาลก็ยังเจอเค้าบอกให้เอาออกให้เร็วที่สุด เราช็อกตอนนั้น แต่ต้องกลับมาถ่ายรูปยิ้มแย้มที่งานอีเวนท์ต่อ หมอบอกว่ามันเป็นความโชคดีบนความโชคร้าย คนวัยนี้ไม่ค่อยเจอ เจออีกที 30 คือขั้น 3-4 ไปแล้ว

แต่มะเร็งเต้านมที่เจอนั้น เธอบอกว่า ยังไม่ต้องคีโม คือตอนแรกคุณหมอก็แพลนว่าอาจจะต้องตัดต่อมน้ำเหลือง เค้าตัดก้อนเนื้อไปเช็คดูแล้วมันยังไม่ลาม คุณหมอจะผ่าตัดเยอะกว่านี้เราบอกไม่หน้าอกฉันจะไม่มี

แต่สิ่งที่เธอกังวลที่สุดคือความสวย เธอบอกว่า กลัวไม่สวยมากกว่ากลัวตาย ถ้าเราจะทำหน้าโอเค แต่หน้าอกนี่สาบานเราไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับหน้าอกเลย เป็นสิ่งที่ภูมิใจมากว่าแม่ให้มาโดยที่ฉันไม่ต้องทำ แล้วพระเจ้ายังจะพรากจากฉันไปอีกหรอ ฉันขอเก็บไว้ภูมิใจนิดนึง เอาจริงๆ กลัวหน้าอกมากกว่ากลัวตาย กลัวว่ามันจะผิดทรงมั้ย มันก็ไมได้เท่ากันแต่ว่าก็ไม่ได้น่าเกลียดมาก

"ช่วง 5 ปีแรกไปฟอลโลอัพทุก 3 เดือน แล้วก็ทุก 6 เดือน นี่ผ่านมา 10 กว่าปีแล้วก็เป็นปีละครั้ง ต้องตรวจตลอด ซึ่งโรคต่างๆ ส่งผลต่อการเก็บไข่ของเรา การใช้ฮอร์โมนก็ต้องมีลิมิต เพราะถ้าใช้เยอะเกินอาจจะไปกระตุ้นเซลล์มะเร็งให้กลับมาอีก ไทรอยด์ส่งผลโดยตรงเลย ไข่ออกมาคุณภาพแย่มาก เก็บมา 2 ครั้งแล้ว ยังไม่มีครั้งไหนไข่โอเคเลย ไม่อยากให้เกิน 3 ครั้ง คุณหมอไม่อยากให้เก็บเกิน 3 รอบ เพราะทุกครั้งที่ทำต้องฉีดฮอร์โมนเข้าไปเยอะมาก มันมีความเสี่ยง"

ข้อมูลจาก คุยแซ่บ SHOW