2 นักร้องดังเกือบเอาชีวิตไม่รอด โดนตัวตึงเมืองตราด ปาขวด - ชี้หน้าใส่

2 นักร้องดังเกือบเอาชีวิตไม่รอด โดนตัวตึงเมืองตราด ปาขวด - ชี้หน้าใส่ ทำเอาแฟนคลับต่างเป็นห่วงอย่างหนัก เมื่อนักดนตรีคนเก่งอย่าง "แบงค์ รัฐวิชญ์" และ "โจอี้ ภูวศิษฐ์" นักร้องดังชื่อดังเจ้าของเพลงดัง "นะหน้าทอง" ได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่จังหวัดตราด แต่กลับเจอเหตุการณ์สุดงง เมื่อโดนกลุ่มนักเลงที่ถูกคนแถวนั้นเรียกว่า "ตัวตึงเมืองตราด" มาป่วนขณะเล่นแสดงคอนเสิร์ตในสถานบังเทิงแห่งหนึ่ง ถูกชี้หน้า - ปาขวด ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย

 

โดย แบงค์ รัฐวิชญ์ ได้ออกมาเขียนข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "พวกเขาเรียกตัวเองว่า ตัวตึงจังหวัดตราด คืนวันจันทร์ที่ 23 ม.ค. 2566 ที่ร้าน xxxx จังหวัดตราด มันจะเป็นคืนที่พวกเรา โจอี้ และคนที่มาดูคอนเสิร์ตสนุกมากๆ เพราะทุกอย่างดีหมด ร้านดูแลอย่างดี แฟนเพลงน่ารัก ทุกอย่างจะน่าประทับใจ ถ้าไม่มีคนกลุ่มนึงที่มาสร้างความเดือดร้อน 

เริ่มจากการเดินขึ้นมาบนเวทีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากใคร คอยยืนเต้นบนเก้าอี้เพื่อโชว์กร่าง แอบอ้างชื่อว่าเป็นกำนัน รบกวนการดูคอนเสิร์ตของลูกค้าโต๊ะอื่นๆ คอยมาขอนั่นนี่รบกวนการแสดงของพวกเราตลอด สุดท้ายพอจบคอนเสิร์ตทางผจก.เดือนเห็นว่าไม่ปลอดภัยจึงรีบพาโจอี้ออกจากร้านและเดินทางกลับ 

 

ทุกอย่างจึงหันมาทางผม 2 คนในกลุ่มนั้นมีคนนึงที่พยายามพูดกับผมดีๆ แต่อีกคนนึงไม่ยอม มาโวยวายว่า ขอเพลง "อยู่ตรงนี้" ให้เพื่อนที่ถูกยิงตาย ทำไมไม่เล่น ให้ทิปมา 1,000 ไม่ยอมเล่นได้ไง ผมจึงอดทนบอกอย่างสุภาพว่าเพลงนี้พวกเราเล่นไม่ได้ครับ ผมขอโทษเขา บอกว่าไว้คราวหน้านะ วันนี้ยังเล่นไม่ได้ ก็ยังไม่หยุดโวยวาย ผมบอกว่าเอางี้เดี๋ยวผมคืนเงินให้เลย รอตรงนี้ก่อนผมต้องถ่ายรูปกับแฟนเพลง แล้วตอนนั้นก็ผมไม่มีเงินติดตัว

 

ในขณะที่ผมกำลังถ่ายรูปอยู่ มีขวดลอยมาจำไม่ได้ว่าเป็นขวดอะไร แต่โชคดีตกมาที่รองเท้าผม และไม่โดนแฟนเพลงที่กำลังถ่ายรูปอยู่ ผมเงยหน้าไปมองเห็นคนที่โวยวายผมนั้นและผู้ชายเสื้อน้ำเงินอีกคนนึงตะโกนอะไรซักอย่าง และชี้หน้าผมทำท่าจะเข้ามาทำร้าย ด้วยความที่ผมเป็นทหารคนนึง ที่จริงผมอยากสู้เพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง 

แต่สติของผมบอกว่าผมควรออกมาจากตรงนั้นเพราะผมยังมีสิ่งอันเป็นประโยชน์ที่ต้องทำอีกมาก ผมเลยเดินออกมาแล้วขอให้คนในกลุ่มนั้นที่คุยรู้เรื่องมารับเงินคืนไป 1,000 บาท แล้วออกมาจากที่นั่น ผมถามว่าคนที่ทำร้ายผมเค้าเป็นใคร คนนั้นตอบผมว่าเขาเป็นตัวตึงจังหวัดตราด

ภายหลังมาผมถึงได้รู้ว่าก่อนที่จะมาโวยวายกับผมคนนี้ก็ไปยืนด่ามือเบสที่เป็นน้องชายของผม แล้วคนที่ป่วนในงานตั้งแต่แรกๆ ล้วนแล้วก็เป็นคนในกลุ่มนี้ทั้งนั้น หลังจากเหตุการณ์นี้ผมได้สืบทราบเบื้องต้นว่า คนกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นกำนันอะไร เป็นแค่กลุ่มคนที่รวมตัวกันสร้างความเดือดร้อนในจังหวัด ตัวหัวหน้ากลุ่มผมทราบแล้วว่าชื่ออะไร ไม่รู้ว่าใช่คนที่เขวี้ยงขวดใส่ผมรึเปล่า เพราะผมเงยหน้ามาไม่ทัน แต่ทุกอย่างอยู่ในกล้องวงจรปิดของร้านแน่นอน และทางร้านได้ส่งให้ผมแล้ว

นอกจากนี้ผมยังได้ข่าวว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทในคอนเสิร์ตพี่ป๊อบ ปองกูลเมื่อปีก่อน แต่เป็นอีกร้านนึงซึ่งผมก็ไปเล่นงานนั้นด้วย และคนที่ทุบรถ urboy TJ ก็เป็นคนในกลุ่มนี้อีก แหมตัวตึงจริงๆ ด้วยผมยืนยันอีกครั้งว่าทางร้านพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดูแลพวกเรา จึงขอขอบคุณทางร้านxxxx และขอโทษแฟนเพลงทุกๆคนที่พวกเราไม่ได้อยู่ถ่ายรูปหมู่ ถ่ายรูปคู่ และพบปะพูดคุยเหมือนอย่างที่เคยทำปกติ 

เพราะมันอันตรายมากๆ ผมเชื่อว่าตราบใดที่ยังมีคนแบบนี้อยู่ ความเดือดร้อนและพังพินาศทั้งหลายก็จะตกมาสู่พวกเราที่อุตส่าห์เสียสละทุกอย่างตั้งใจมาพบกันด้วยความรู้สึกดีๆ ทั้งศิลปินที่ตั้งใจมา ทั้งร้านที่ตั้งใจจัดงาน และคนที่เสียเงินมาดู ยังโชคดีที่เอาโจอี้กลับออกไปก่อน ตอนนี้กำลังใช้สติคิดอยู่ว่าจะดำเนินการยังไง ในงานต่อๆ ไปคงต้องหามาตรการป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ แต่ขอรณรงค์ให้คนพวกนี้อย่าได้มีที่ยืนในคอนเสิร์ตใดๆ ในโลกอีกเลย

 

อัพเดท 24 ม.ค. 2566 ได้คลิปมาแล้วครับ ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทหาร ตำรวจ และเหล่าแฟนเพลง ที่ส่งข้อความมาแสดงความห่วงใย ล่าสุดตอนนี้พี่ๆที่ผมเคารพรักซึ่งเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในหลายๆพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดตราด ทราบเรื่องแล้ว รับปากจะช่วยดูแลให้เพื่อความสงบสุขของชาวตราดและพื้นที่ใกล้เคียงนะครับ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ"

 

อย่างไรก็ตาม งานนี้แฟนคลับหลายคนต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นล้นหลาม โดยส่วนใหญ่มองว่าคนพวกนี้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต้องนำตัวมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเคยก่อเหตุแบบนี้หลายครั้งแล้ว ทั้งก่อเรื่องทะเลาะวิวาทในคอนเสิร์ตหนุ่ม "ป๊อบ ปองกูล" และเคยทุบรถหนุ่มแร็ปเปอร์ชื่อดังอย่าง "urboy TJ" จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบและนำมาลงโทษตามกฎหมายอย่าปล่อยให้ลอยนวล

คลิกเพื่อชมคลิป

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline