"เล็ก คาราบาว" มือถือหล่นหาย ทำใจ เปรียบเทียบ ประเทศญี่ปุ่น ต่างกันสุดขั้ว

"เล็ก คาราบาว" ทำใจ โทรศัพท์มือถือหล่นหาย ตอนขี่มอเตอร์ไซต์ที่พัทยา เปรียบเทียบระเบียบวินัยกับของ ญี่ปุ่น ต่างกันสุดขั้ว

จากที่ก่อนหน้านี้ "เล็ก คาราบาว" หรือ ปรีชา ชนะภัย นักร้องเพื่อชีวิตรุ่นใหญ่ได้แชร์ประสบการณ์ว่า ตัวเองทำโทรศัพท์ว่า "ขี่แมงกะไซค์ที่พัทยา ทำโทรศัพท์มือถือหล่นหาย พอโทรฯ ไปติดแต่ไม่มีคนรับ ช่วงเช้าวันนี้มีคนใช้โทรศัพท์ของผมที่ทำหล่นหายโทรฯ กลับมา แต่พอรับก็ไม่ยอมพูดอะไร คือดูจากพฤติกรรมแล้วน่าจะไม่ยอมคืนแหละ ว่างั้น

 

"เล็ก คาราบาว" มือถือหล่นหาย ทำใจ เปรียบเทียบ ประเทศญี่ปุ่น ต่างกันสุดขั้ว

 

ที่จริงโทรศัพท์เครื่องนี้ก็ใช้มานานและสภาพก็เก่าพอสมควร แต่ติดตรงที่ว่า ผมเสียดายภาพถ่ายของหลานผมในวัยเตาะแตะนี่แหละครับ ที่ผมอยากได้คืนน่ะ อยากจะบอกกับคนที่เก็บโทรศัพท์ของผมไปว่า อยากได้ก็เอาไปเถอะ แต่ผมอยากได้รูปหลานผมคืนเท่านั้นแหละ เพราะเมื่อสักครู่ภรรยาก็ซื้อเครื่องใหม่มาให้แล้ว เฮ้อ!"

 

 

กระทั่งล่าสุด เล็ก คาราบาว ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้งว่า "ลงเรื่องทำโทรศัพท์หล่นหาย ก็มีหลายท่านเข้ามาเม้นท์ให้กำลังใจ ขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ ซึ่งบางท่านก็เคยมีประสบการณ์เดียวกันนี้จึงมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากที่ผมรู้สึก ส่วนใหญ่ก็เสียดายภาพและเบอร์โทรต่างๆ ของมิตรสหายที่ต้องจากไปพร้อมเครื่องด้วยเนาะ

"เล็ก คาราบาว" มือถือหล่นหาย ทำใจ เปรียบเทียบ ประเทศญี่ปุ่น ต่างกันสุดขั้ว

ทำไงได้ ผมรู้ว่าต้องไม่ได้คืนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะถ้าคนที่เก็บได้เค้าอยากคืนหละก็ ต้องได้รับการติดต่อกลับมาตั้งแต่วินาทีแรกที่เค้าเก็บได้แล้วหละครับ เพราะโทรศัพท์ของผมไม่ได้ล็อคหน้าจอไว้ ก็อย่างที่บอกแหละ ผมแค่อยากได้รูปคืน แต่ที่จริงรูปหลานในวัยนั้นผมก็มีเก็บไว้ไม่น้อยในคอมพ์เช่นกัน อยากได้ก็เอาไปเถอะ 

 


นี่ทำให้นึกถึงเมื่อครั้งที่ผมกับภรรยาลืมกล้องถ่ายรูปไว้ที่ห้องล็อปบี้ในโรงแรมเมื่อครั้งที่ไปประเทศญี่ปุ่นเมื่อหลายปีมาแล้ว ซึ่ง ณ เวลานั้นการไปประเทศญี่ปุ่นไม่ใช้เรื่องง่าย ต้องขอวีซ่าครับ และไม่ค่อยผ่านซะด้วย

"เล็ก คาราบาว" มือถือหล่นหาย ทำใจ เปรียบเทียบ ประเทศญี่ปุ่น ต่างกันสุดขั้ว


นั่นจึงทำให้ประเทศของเค้าในช่วงนั้นมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก ที่ผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะ เจ้ากล้องถ่ายรูปที่ผมและภรรยาลืมไว้ที่ห้องนั่งเล่นของโรมแรมในครั้งแหละ คือเราออกไปเดินเล่นกันเป็นวันๆ กลับมามันก็ยังอยู่ของมันที่เดิมเลย ซึ่งก็ทำให้เราสองคนรู้สึกขำและชื่นชมในระเบียบวินัยของผู้คนของประเทศเค้าไม่น้อยเลย

 


แต่หลังจากที่เค้าเปิดให้มีการเข้าประเทศโดยไม่ต้องมีวีซ่า นักท่องเที่ยวก็แห่ทะลักกันไปเพียบ ครั้งนึงเพื่อนลูกชายลืมโทรศัพท์ไว้บนรถไฟที่วิ่งเข้าเมืองโตเกียว ผมก็บอกไปว่าน่าจะไม่หายหรอกและน่าจะได้คืน ซึ่งสุดท้ายเจ้าโทรศัพท์เครื่องที่ว่านี้ก็มาโผล่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ทราบเพราะมีระบบติดตามเมื่อเปิดใช้งานนั่นเอง ส่วนโทรศัพท์ได้คืนหรือเปล่าผมก็ไม่ได้ถามลูกชาย อิ อิ

 

เอาหละครับ คงต้องเลิกพูดเรื่องโทรศัพท์กันซะทีเนาะ เพราะภรรยาก็ซื้อเครื่องใหม่มาให้เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แถมครั้งนี้ลูกชายยังเข้าระบบป้องกันหน้าจอให้เพียบ 
“อื้มมมมม! แต่ว่า เครื่องมันใหญ่จังเลยอ่ะ เครื่องเก่ามันขนาดกำลังขว้างได้เหมาะมือกว่านะ ป๊าดดดดดดดด!”
สวัสดีแบบขำๆ ยามเช้าเนาะ อิ อิ"

 

"เล็ก คาราบาว" มือถือหล่นหาย ทำใจ เปรียบเทียบ ประเทศญี่ปุ่น ต่างกันสุดขั้ว