- 02 ก.พ. 2560
ประธานธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ กล่าวเตือนไปยังสหรัฐฯ ไม่ให้เก็บสั่งสมอาวุธตามค่ายทหารต่างๆ ของสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์
ประธานธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ กล่าวเตือนไปยังสหรัฐฯ ไม่ให้เก็บสั่งสมอาวุธตามค่ายทหารต่างๆ ของสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์ ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือทางทหาร ปี 2557 เนื่องจากวิตกว่า อเมริกันกำลังจะสร้างโรงเก็บพัสดุ ลำเลียงอาวุธเข้าไปในฟิลิปปินส์ ที่รวมทั้งที่จังหวัดปาลาวัน จึงขอเตือนไปยังกองทัพสหรัฐฯ ว่า ห้ามทำ และไม่อนุญาตให้ทำ
ผู้นำฟิลิปปินส์ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมนายทหารและนายตำรวจระดับสูงด้วยว่า กำลังพิจารณาที่จะยกเลิกข้อตกลงทวิภาคีฉบับนี้ ถ้าสหรัฐฯ สร้างโรงเก็บยุทธภัณฑ์และสัมภาระ ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวรและเก็บกระสุนจริง ที่จะทำให้ประเทศและประชาชนของฟิลิปปินส์ ตกอยู่ในอันตราย ถ้าเกิดการประลองแสนยานุภาพกันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนขึ้นในบริเวณพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้
ก่อนหน้านี้ นายเดลฟิน โลเรนซานา รัฐมนตรีกลาโหมของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า กองทัพสหรัฐฯ จะเริ่มสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในค่ายทหารภายในปีนี้ ซึ่งภายใต้ข้อตกลงที่มีชื่อว่า ข้อตกลงเพิ่มพูนความร่วมมือด้านกลาโหม หรือ อีดีซีเอ มีอายุบังคับใช้ 10 ปี มีสาระสำคัญที่เปิดทางให้สหรัฐฯ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารในในฟิลิปปินส์ ที่เคยเป็นอดีตอาณานิคมในช่วงปี 2441-2489
ทั้งนี้ สหรัฐฯ จะจัดส่งเรือรบและเครื่องบินทหารหมุนเวียนเข้าไป ภายใต้ข้ออ้างว่า เพื่อการปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมและด้านความมั่นคงทางทะเล รวมถึงการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆเพื่อใช้ในการเก็บอุปกรณ์และสัมภาระ เพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติการของกองทหารอเมริกัน
ขณะที่ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฟิลิปปินส์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ทันที ที่ว่า ทหารอเมริกันกำลังสร้างคลังอาวุธในฐานทัพฟิลิปปินส์ 5 แห่ง ซึ่งละเมิดข้อตกลงด้านความมั่นคง เอกอัครราชทูต ซุง คิม บอกในการประชุมที่ Makati Business Club และเสริมว่า อาคารที่จะถูกสร้างมีไว้เพื่อเก็บอุปกรณ์สำหรับการตอบสนองด้านภัยพิบัติ
สหรัฐฯไม่สามารถสร้างอะไรก็ตามในฐานทัพฟิลิปปินส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลฟิลิปปินส์และสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับอาวุธ เขาหารือกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูง รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอยู่บ่อยครั้งและสัญญาว่าจัดการกับบางข้อกังวล เขากล่าวว่า ความเป็นพันธมิตรยังคงเหนียวแน่น
ความคิดเห็นของผู้นำฟิลิปปินส์ มีออกมาหลังจากที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เห็นชอบการปรับปรุงและก่อสร้าง โรงทหาร รันเวย์ และคลังพัสดุในปีนี้ภายใต้ข้อตกลงเพิ่มพูนความร่วมมือกันทางการป้องกัน ซึ่งที่ผ่านมานั้นทางด้านผู้นำฟิลิปปินส์ ก็ไม่เห็นด้วย กับ ข้อตกลงทางการป้องกันดังกล่าวครอบคลุมการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเรือ อากาศยาน และทหารที่ฐานทัพ 5 แห่ง และการเก็บอุปกรณ์สำหรับภารกิจด้านมนุษยธรรมและความมั่นคงทางทะเล
ล่าสุดนั้นทางด้าน ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ ได้ร้องขอให้จีนส่งเรือลาดตระเวนทางทะเล เข้าช่วยเหลือหยุดยั้งพวกก่อเหตุ ลักพาตัวลูกเรือ และ การปล้นเรือสินค้า นอกชายฝั่งทางใต้ของประเทศฟิลิปปินส์
โรดริโก ดูเตอร์เต ต้องการให้จีน นั้นส่งกองเรือเข้าประจำการอย่างที่เคยทำเมื่อปี 2009 ครั้งนั้น จีนส่งขบวนเรือคุ้มกันไปยังอ่าวเอเดน เมื่อปกป้องกองเรือของจีนจากการจู่โจมของโจรสลัดโซมาเลีย
ผู้นำฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่าเขายอมร้องขอความช่วยเหลือจากจีน แทนที่จะเป็นสหรัฐฯ ชาติที่เคยเป็นพันธมิตรด้านกลาโหมกันมาช้านาน แม้ทั้งสองประเทศยังมีประเด็นพิพาทด้านเขตแดนทางทะเลกันอยู่ ก็ตาม แต่ผู้นำฟิลิปปินส์ ก็บอกว่า จีน นั้นมีความน่าไว้วางใจ และมีความจริงใจ มากกว่า สหรัฐฯ
อินโดนีเซีย เคยเตือนว่าภูมิภาคแถบนี้อาจเป็นแบบโซมาเลีย และทั้ง 3 ชาติ อย่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ก็จับมือให้สัญญาว่าจะลาดตระเวนร่วมกันเพื่อป้องปรามโจรสลัด
สำนักงานการเดินเรือระหว่างประเทศ เปิดเผยตัวเลข เมื่อปี 2016 มีจำนวนผู้ถูกลักพาตัวทางทะเลสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยเฉพาะบริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งฟิลิปปินส์ ที่อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ
เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์