- 24 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
สถานการณ์ในกูตาตะวันออก นั้นกำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีพลเรือนเสียชีวิตมากกว่า 250 คนในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา เปรียบได้เสมือนห่าฝนระเบิดที่กระหน่ำลงมากลางเมือง
สถานการณ์ การสู้รบในประเทศซีเรีย ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นอกจากทางด้านเหนือของประเทศ ที่ทางด้านกองทัพตุรกี ได้เปิดปฏิบัติการช่อมะกอก หรือว่า โอลีฟ แบรนซ์ มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2561 ในขณะที่ความชุลมุนวุ่นวายภายในประเทศ หลังจากหลายพื้นที่สามารถที่จะขับไล่กลุ่มก่อการร้ายไอเอส ออกจากพื้นที่ได้แล้ว แต่ซีเรีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด นั้นยังคงมีปัญหาของกลุ่มกบฏ ที่คอยขัดขวางการบริหารประเทศของเขา และยังคงยึดเมืองหลายเมืองเอาไว้ในครอบครอง ดังนั้นทางด้านกองทัพซีเรีย ยังคงเดินหน้าดำเนินการ เพื่อยึดคืนพื้นที่กลับมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะเขตกูตาตะวันออก ซึ่งเป็นเขตยึดครองแห่งสุดท้ายของฝ่ายกบฏที่อยู่ชานกรุงดามัสกัส ทางรัฐบาลของประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด มีความพยายามอย่างหนักในการที่จะยึดพื้นที่คืนและได้เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดปรากฏว่า ฝูงบินรบยังดาหน้าถล่มดินแดนสุดท้ายของฝ่ายกบฏใกล้เมืองหลวงของซีเรียอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเหนือ 400 ศพ ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำลังพิจารณาข้อเรียกร้องหยุดยิง 30 วันทั่วประเทศ เปิดทางสำหรับมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินและอพยพด้านการแพทย์
ทางด้านสตาฟฟาน เดอ มิสตูรา ทูตสหประชาชาติประจำซีเรีย เรียกร้องขอให้มีการหยุดยิงสำหรับระงับการจู่โจมทางอากาศครั้งดุเดือดที่สุดหนหนึ่งในสงครามกลางเมือง 7 ปี เพื่อป้องกันการฆ่าหมู่ในเมืองกูตาตะวันออก ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ ซึ่งตั้งอยู่แถบชานกรุงดามัสกัส
รายงานตัวเลขล่าสุดจากทางด้านกลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรียเปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 403 ราย นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 นอกจากนี้ยังมีผู้ไดรับบาดเจ็บอีกมากกว่า 2,116 จากปฏิบัติการจู่โจมของกองทัพซีเรียและพันธมิตรของพวกเขา
องค์กรการกุศลด้านการแพทย์หลายแห่งเผยว่า ฝูงบินโจมตีพื้นที่ชุมชนในดินแดนที่มีประชากรราว 400,000 คน ถล่มโดนสถานพยาบาลหลายสิบแห่ง ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้การรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่ทางด้านพานอส มูมต์ซิส เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานของสหประชาชาติในซีเรีย เผยว่า หลายครอบครัวกูตาตะวันออก ต้องอยู่โดยปราศจากอาหาร น้ำหรือไฟฟ้า ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็น และประชาชนเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของเมืองฮาราสตา ต้องลงไปหลบภัยใช้ชีวิตอยู่ใต้ดิน
ขณะที่ทางด้านรัสเซีย พันธมิตรของประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด ได้ออกมาเปิดเผยว่าอาจสนับสนุนมาตรการหยุดยิงทั่วประเทศ 30 วัน แต่นั่นต้องไม่รวมถึงการโจมตีที่เล็งเป้าหมายถล่มกลุ่มไอเอส ที่ยังคงหลบซ่อนอยู่ในเมืองกูตาตะวันออก
มตินี้จำเป็นต้องได้รับคะแนนโหวตอย่างน้อย 9 เสียง และต้องไม่ถูกวีโต้จากสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งประกอบด้วย รัสเซีย, จีน, สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และอังกฤษ
ซารา คายยาลี นักวิจัยซีเรียของกลุ่มฮิวแมนไรต์วอตช์ ระบุว่าสถานการณ์ในกูตาตะวันออก นั้นกำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีพลเรือนเสียชีวิตมากกว่า 250 คนในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา เปรียบได้เสมือนห่าฝนระเบิดที่กระหน่ำลงมากลางเมือง
ขณะที่ทางด้านนายเซอร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ฝั่งตะวันออกของอเลปโปคือตัวอย่างของสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขตกูตา
กองกำลังต่างๆ ที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลซีเรีย ได้มารวมกำลังกันที่เขตภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แถบนั้นเป็นศูนย์รวมของเมืองเล็กๆ และพื้นที่เกษตรกรรม ที่ครั้งหนึ่งเคยทำหน้าที่ป้อนผลผลิตธัญพืชและผลไม้ให้กับเมืองหลวง ก่อนที่สงครามยาวนานเกือบ 7 ปีจะเปลี่ยนให้มันกลายดินแดนที่เต็มไปด้วยความเสียหายและไร้ซึ่งความหวัง
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 แสนรายในสงครามซีเรีย ที่เกิดขึ้นจากการใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามผู้ประท้วงประธานาธิบดี บาซาร์ อัล อัสซาด ในปี 2556