สาวใหญ่ได้ยินเสียงลั่นในหูไม่หาย หลงคิดว่าป่วยทางจิต ก่อนพบต้นตอแท้จริง

สาวใหญ่ได้ยินเสียงดังในหูบ่อยๆ หลงคิดว่าตัวเองป่วยทางจิต จนแพทย์สแกนสมองดูถึงรู้ว่าเธอกำลังเผชิญกับสิ่งอันตราย

สาวใหญ่ได้ยินเสียงลั่นในหูไม่หาย หลงคิดว่าป่วยทางจิต ก่อนพบต้นตอแท้จริง อีกหนึ่งเคสที่มองว่าโรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องไกลตัวไม่ได้ เมื่อเกิดกรณีที่ คนไข้หญิงรายหนึ่งที่เธอมีความรู้สึกนึกว่าเธอเป็นโรคจิตประสาทชนิดที่ได้ยินเสียงดังในหู กระทั่งไปหาหมอครั้งแล้วครั้งเล่าจนตรวจพบว่า โรคร้ายที่เธอกำลังเผชิญนั้น น่าตกใจกว่าที่คิด 

สาวใหญ่ได้ยินเสียงดังในหูบ่อยๆ หลงคิดว่าตัวเองป่วยทางจิต ก่อนพบต้นตอแท้จริงทำตกใจยิ่งกว่า

โดย คนไข้วัย 47 ปี ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในอังกฤษ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเนื้องอกเยื่อหุ้มสมองเมนิงจิโอมา (Meningioma) ซึ่งเป็นเนื้องอกที่เกิดในชั้นเยื่อหุ้มสมองและเยื่อหุ้มไขสันหลัง เนื้องอกชนิดนี้เติบโตช้า แต่สามารถส่งผลต่อเส้นประสาท เนื้อเยื่อสมองและหลอดเลือดโดยรอบ


ตามรายงานระบุว่า เธอไปพบแพทย์ครั้งแรกเมื่อรู้สึกว่ามีอาการเหนื่อยและเวียนศีรษะผิดปกติในเดือน มิ.ย. 2563 แพทย์ประจำบ้านของเธอสั่งยาปฏิชีวนะให้ เพราะคิดว่าเป็นอาการที่เนื่องมาจากโรคไซนัสอักเสบ  อีกไม่กี่เดือนต่อมา เธอก็มีอาการเพิ่มเติม เช่น ได้ยินเสียงดังในหู มองเห็นอะไรก็ไม่ชัด ทั้งที่ตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติทางสายตา นอกจากนี้ มือและเท้าของเธอยังมีอาการชา

สาวใหญ่ได้ยินเสียงดังในหูบ่อยๆ หลงคิดว่าตัวเองป่วยทางจิต ก่อนพบต้นตอแท้จริงทำตกใจยิ่งกว่า
เธอทนไม่ไหวจนต้องกลับไปหบแพทย์อีกครั้ง เพราะอาการเสียงลั่นในหูเริ่มแย่ลงจนเธอหลับไม่ลง รู้สึกไม่มีแรงอย่างสิ้นเชิงและขาดความกระตือรือร้นอย่างรุนแรง ได้แต่นอนทั้งวัน คราวนี้แพทย์ได้สั่งยาในกลุ่มที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้าให้เธอ แต่อาการของเธอก็แย่ลงเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองซึมหนักและไม่อยากทำอะไรเลย ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเป็นคนที่ร่าเริงและมีชีวิตชีวา 


อีกทั้ง อาการซึมเซาและเฉื่อยชา ไม่อยากเคลื่อนไหวร่างกาย ยังส่งผลให้น้ำหนักของเธอเพิ่มขึ้นเกือบ 16 กก. และต่อมาก็ทำให้เธอป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยมีสาเหตุเนื่องจากน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ซึ่งบุคลิกของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งไม่อยากพบปะผู้คน เกรี้ยวกราดใส่แฟนหนุ่มและแม่ของตัวเองขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกแย่ที่ทำตัวไม่ดีกับพวกเขา ซึ่งทำให้เธอยิ่งรู้สึกซึมเศร้ามากขึ้น และไม่อยากลุกจากเตียงเพื่อมาทำอย่างอื่น 

สาวใหญ่ได้ยินเสียงดังในหูบ่อยๆ หลงคิดว่าตัวเองป่วยทางจิต ก่อนพบต้นตอแท้จริงทำตกใจยิ่งกว่า

จนบุคลิกเหล่านี้ก็กลายเป็นอุปสรรคในการทำงานของเธอ ทำให้เธอทำงานไม่ทันและทำตัวหยาบคายต่อเพื่อนร่วมงาน จนกระทั่งเดือน ต.ค. ปี 2564 เธอก็ไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป จนในเดือน พ.ย. 2564 เธอเกิดอาการชักที่บ้าน หลังจากได้รับการตรวจและสแกนสมอง แพทย์ก็พบว่าเธอมีเนื้องอกอยู่ที่สมองซีกซ้าย ซึ่งไปกดทับเส้นประสาท โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับสายตา 

จากนั้น เธอได้เข้ารับการผ่าตัดในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา การผ่าตัดของเธอกินเวลายาวนานถึง 6 ชม. เพื่อผ่าเอาเนื้องอกออกไป และปัจจุบัน ยังคงมีการติดตามอาการของเธอเป็นประจำ ขณะนี้เนื้องอกของเธอไม่โตขึ้นอีก แต่เธอยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถและต้องกินยากันชักเป็นประจำ

สาวใหญ่ได้ยินเสียงดังในหูบ่อยๆ หลงคิดว่าตัวเองป่วยทางจิต ก่อนพบต้นตอแท้จริงทำตกใจยิ่งกว่า
นั้นทำให้ปัจจุบัน เธอได้ผันตัวมาทำงานร่วมกับองค์กรการกุศลเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเนื้องอกในสมอง เธอกล่าวว่า ตัวเองโชคดีมากที่เนื้องอกของเธอไม่ใช่มะเร็ง และเธอรอดชีวิตมาได้ 

 

อย่างไรก็ตาม อาการของโรคเนื้องอกเยื่อหุ้มสมองเมนิงจิโอมา ที่หลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับบริเวณที่มีเนื้องอก แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักรู้สึกว่าสายตาเปลี่ยนแปลง มองไม่ชัด ไม่ค่อยได้ยินเสียงหรือรับกลิ่นไม่ได้ มีอาการชัก มึนงงบ่อยๆ และปวดศีรษะ ซึ่งมักจะรู้สึกปวดมากในตอนเช้า 

สาวใหญ่ได้ยินเสียงดังในหูบ่อยๆ หลงคิดว่าตัวเองป่วยทางจิต ก่อนพบต้นตอแท้จริงทำตกใจยิ่งกว่า

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline