สาวคลั่งรัก แม่ไม่ยอมให้แต่งงาน คลานเกาะล้อรถแฟนกลางถนน ไม่แคร์สายตาคน

สาวคลั่งรัก แม่ไม่ยอมให้แต่งงาน คลานเกาะล้อรถแฟนกลางถนน ร้องไห้ตะโกงสุดเสียง ไม่แคร์สายตาคนทั้งหมู่บ้าน!

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อเว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า โลกออนไลน์ของจีนได้มีการแชร์คลิปสุดอนาถใจ เผยให้เห็นหญิงสาวชาวจีนรายหนึ่งที่คลานอยู่บนถนนและอยู่ในอาการเศร้าโศกร้องไห้โฮ พร้อมกับเกาะล้อรถยนต์คันหนึ่ง โดยมีผู้เป็นแม่กำลังลากตัวออกมา ท่ามกลางสายตาชาวบ้านจำนวนมาก

 

สาวคลั่งรัก แม่ไม่ยอมให้แต่งงาน คลานเกาะล้อรถแฟนกลางถนน ไม่แคร์สายตาคน

 

โดยรายงานระบุว่า หญิงสาวรายดังกล่าวกำลังคลานเกาะล้อรถแฟนหนุ่มอยู่บนถนน หลังจากแม่ไม่ยอมให้แต่งงาน ซึ่งเธออยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ และร้องไห้ปล่อยโฮออกมาอย่างรุนแรง ก่อนทราบเบื้องหลังว่า เธอได้พาแฟนหนุ่มมาพบพ่อแม่ที่บ้าน หลังจากที่คบหาดูใจกันมาเป็นเวลานาน แต่ปรากฏว่าพ่อแม่ของเธอรับไม่ได้ และไม่ยอมให้เธอแต่งงานกับแฟนหนุ่มคนนี้เด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่าเป็นรักทางไกล จะทำให้ชีวิตคู่ของทั้งสองคนไม่มั่นคง ก่อนจะไล่ให้แฟนหนุ่มของเธอกลับบ้านไป

 

สาวคลั่งรัก แม่ไม่ยอมให้แต่งงาน คลานเกาะล้อรถแฟนกลางถนน ไม่แคร์สายตาคน

 

หลังจากนั้น เธอจึงรีบวิ่งตามแฟนหนุ่มไปที่รถ ก่อนจะล้มตัวคลานลงกับพื้นถนนเกาะล้อรถแฟนหนุ่มเอาไว้ เพื่อรั้งไม่ให้เขาจากไป ส่วนแม่ของเธอก็วิ่งตามออกมาและพยายามห้ามลูกสาวเอาไว้ พร้อมกับลากและดึงตัวเธอออกมาจากรถของแฟนหนุ่ม สุดท้ายแม่ก็สามารถดึงตัวเธอออกมาได้ ก่อนที่แฟนหนุ่มจะขับรถออกไป โดยเธออยู่ในอาการสะอื้นร้องไห้และตะโกนหาแฟนหนุ่มอย่างสุดเสียง ท่ามกลางสายตาคนจำนวนมาก

 

สาวคลั่งรัก แม่ไม่ยอมให้แต่งงาน คลานเกาะล้อรถแฟนกลางถนน ไม่แคร์สายตาคน

 

ทั้งนี้ หลังจากคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ได้มีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก หลายคนเห็นแล้วเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาว โดยบอกว่า บางทีความรักก็ไม่เลือกเหตุผล แม้จะอยู่ไกลกัน แต่บางทีทั้งสองอาจจะครองรักกันได้ อยากให้พ่อแม่ใจเย็นและลองเปิดใจดูก่อน แต่บางส่วนเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นพ่อแม่ โดยบอกว่า บางทีพ่อแม่ก็ไม่อยากเห็นคนเป็นลูกมานั่งเสียใจทีหลัง ก็เลยอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกมากกว่า

 

สาวคลั่งรัก แม่ไม่ยอมให้แต่งงาน คลานเกาะล้อรถแฟนกลางถนน ไม่แคร์สายตาคน

ชมคลิป

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainews