โลกนี้ช่างโหดร้าย !!! "ญาติ" เหยื่อรถมรณะ โพสต์อาลัยครั้งสุดท้าย ...ความจริงแสนเจ็บปวด ทั้งหมดเป็นญาติกัน

เฟซบุ๊ก Jomtrai Singkon ญาติของผู้เสียชีวิตบนรถปิกอัพ จากเหตุอุบัติเหตุชนกับรถตู้สายจันทบุรี-กทม. 25 ศพ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา โพสต์ข้อความไว้อาลัยเศร้า ระบุว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ศพ บนรถปิกอัพเป็นญาติกันทั้งหมด

โดยหลังเกิดเหตุ ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กดังกล่าว เขียนข้อความระบุว่าไม่คิดว่าข่าวร้ายช่วงบ่ายจะเป็นญาติของตัวเอง (ทั้งรถกะบะเป็นญาติกัน) ทำไมมันชั่งโหดร้ายอย่างนี้ ขอให้ น้าน้อย,น้าบ่าว,น้าพัน ,และ หลานๆจงไปสู่ภพมูิที่ดี ด้วยรักและความอาลัย ครอบครัว แม่ อิง หาญเสมอ

 

 

และ น้าน้อย ผู้ชายที่ขับรถกระบะ เราอายุเท่าๆกันก็เลยได้เรียนชั้นเดียวกัน น้าน้อย เป็นผู้ชายที่อ่อนโยน อารมณ์ดี และมีพรสวรรค์มากในการคิดมุขฮา ในกลุ่มเพื่อนเคยบอกไว้ ใครได้น้าเป็นแฟนจะเป็นคนโชคดีมาก แกมีภรรยาและลูกที่น่ารักมาก ข่าวรถตู้สายระยอง มีบ่อย ตอนนี้มันวน มาใกล้ตัว ขอให้ดวงวิญญาณ ของน้าน้อย น้าบ่าว น้าพัน หลานๆ และคนอื่นๆ จงไปสู่ ภพภูมิที่ดี ด้วยรักและอาลัย จากครอบครัวแม่ อิง หาญเสมอ (ผู้ที่สูญเสียมากที่สุด)

 

 

ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2559 พ.ต.ท.วิโรจน์ แจ่มจำรัส สว.(สอบสวน) สภ.บ้านบึง ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถตู้โดยสารชนประสานงากับรถกระบะ บนถนนสาย 344 ม.1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ฝั่งขาเข้าระยอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึงจึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบ้านบึง บริเวณที่เกิดเหตุพบรถตู้โดยสาร กทม.-จันทบุรี หมายเลขทะเบียน 15-1352 กทม.ชนประสานงากับรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ สีเงิน หมายเลขทะเบียน 1 ฒณ 2483 ทั้งสองคันอยู่ในสภาพพังยับเยินไฟลุกท่วมและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
 

 

อุบัติเหตุดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้โดยสารในรถตู้เสียชีวิต 14 ราย รถกระบะเสียชีวิต 11 ราย รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 25 ราย เบื้องต้นเจ้าหน้าสันนิษฐานว่าคนขับรถตู้มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ อาจเกิดหลับใน ทำให้รถเสียหลักข้ามเลนประสานงากับรถกระบะที่วิ่งสวนมาอย่างจัง

 

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตนขับรถเก๋งจะพาครอบครัวไปที่ จ.จันทบุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเห็นรถตู้เสียหลักพุ่งลงข้างทางแล้วข้ามเลนไปประสานงากับรถกระบะที่วิ่งสวนทางมา โดยเห็นผู้โดยสารกระเด็นออกจากรถตู้ ก่อนรถตู้จะเกิดไฟลุกท่วมพร้อมทั้งมีเสียงระเบิดดังขึ้น เห็นคนอยู่ในรถร้องขอความช่วยเหลือก่อนจะสิ้นใจตายคากองเพลิง

ขณะที่ นายพรศักดิ์ ไทยเจียมอารีย์ ขนส่งจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า พนักงานขับรถตู้ ได้เริ่มขับรถตู้ในวันที่ 1 มกราคม เที่ยวแรกออกจากจ.จันทบุรี เวลา 04.00 น. เที่ยวสอง ออกจากกรุงเทพ เวลา 11.30 น. และเที่ยวสาม ออกจากจันทบุรี เวลา 18.00 น.( ถึงกรุงเทพ เวลา 22.30 น.) และวันที่ 2 มกราคม 2560 เที่ยวแรกออกจากกรุงทพ เวลา 05.00 น. และเที่ยวที่สอง ออกจากจันทบุรี เวลา 11.30 น.และมาประสบอุบัติเหตุ

ขนส่งจ.จันทบรี กล่าวอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า คนขับรถตู้ต้องทำหน้าที่ขับรถตู้ 5 เที่ยว ในช่วงเวลา 31 ชม.เป็นอย่างน้อย ซึ่งน่าจะมีการพักผ่อนมากกว่านี้ และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรั้งนี้ ทั้งนี้ ทางสำนักขนส่งจ.จันทบุรี จะได้เข้าตรวจสอบการดำเนินธุรกิจที่คิวรถในตลาดมหาราช หน้าห้างโรบินสัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำ



ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุถึงกรณีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารสาธารณะที่จังหวีดชลบุรี ว่าอาจเกิดจากการขับรถเร็วเกินกว่ากำหนดจนเบรกไม่อยู่ ประกอบกับความเหนื่อยล้า ส่วนสาเหตุที่เกิดไฟไหม้จะเกี่ยวข้องกับระบบดังแก๊สนั้น เบื้องต้นพบว่า รถตู้คันนี้มีการตรวจสอบสภาพรถเมื่อเดือนกันยายน 2559 และระบบถังไม่แก๊สไม่มีปัญหา เหจุไฟไหม้จึงอาจเกิดจากระบบหัวจ่ายน้ำมัน แต่จะต้องรอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยอมรับด้วยว่าหากลดการติดตั้งแก๊สอาจลดความสูญเสียได้

ส่วนในเรื่องมาตรการกู้ภัย และการให้ความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ได้เข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งหลักที่ให้ความสำคัญโดยในทุกเส้นทางจะมีเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมและสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

 

รถตู้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขนส่งคน แต่ใช้เพื่อขนส่งสิ่งของ ดังนั้นเมื่อมีการนำมาประยุกต์ โดยเฉพาะระบบสองระบบ ก็จะต้องเน้นย้ำในเรื่องระบบความปลอดภัย ทั้งตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบ ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ขับขี่รถตู้โดยสารสาธารณะควรมีความพร้อม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และเสพสารเสพติด พักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งในข้อบังคับของกรมขนส่งทางบกก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าขับรถ 4 ชั่วโมงต้องพัก 1 ชั่วโมง รวมไปถึงขณะนี้ได้มีการเร่งรัดให้ผู้ประกอบการนำรถตู้เข้าติดจีพีเอส เพื่อให้สามารถตรวจสอบและควบคุมที่ศูนย์ควบคุมได้ รวมไปถึงภายในปี 2562 จะผลักดันให้มีการใช้รถตู้ในการขนส่งข้ามจังหวัดลดลงอีกด้วย


เรียบเรียงโดย ชนุตรา สำนักข่าวทีนิวส์