ครั้งแล้วครั้งเล่า หลั่งน้ำตา !?!? ย้อนดู"ยิ่งลักษณ์" กับชะตากรรมออกหัวหรือออกก้อย ....อีกไม่เกิน4เดือน ลุ้นคุกไม่คุก (มีคลิป)

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2560 เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิด 50พอดิบพอดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งในช่วงเช้าได้ไปทำบุญวันเกิดที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหารโดยมีนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยและญาติสนิทมิตรสหายและแหนคลับไปร่วมกันอย่างคับคั่ง

เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาถึงได้ไปปักต้นผ้าป่า ก่อนจะเดินขึ้นภูเขาทองเพื่อสักการะพระธาตุ โดยระหว่างทางเดินขึ้นได้แวะตีฆ้องชัยสามครั้งและตีระฆังเพื่อเป็นสิริมงคล และได้เข้ากราบสักการะองค์พระประธานประจำพระธาตุ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นผู้สร้างถวายไว้  จากนั้นถวายผ้าป่าและถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์จำนวน 9 รูป จากนั้นเดินขึ้นถวายผ้าห่มพระธาตุโดยได้ทำประทักษิณเดินวนรอบพระธาตุ 3 รอบ ทั้งนี้ภายหลังถวายผ้าห่มพระธาตุน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมา

และไม่เพียงเท่านั้นภายหลังจากการทำบุญเสร็จแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มาเฝ้าติดตาม และเราก็ได้เห็นน้ำตาของเธออีกครั้ง ซึ่งในคราวนี้ถึงขั้นมีอาการสะอึกสะอื้นออกมาเป็นระยะๆ

น.ส.ยิ่งลักษณ์  ได้ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา ว่า ไม่ได้เป็นปีแรกที่พบเจอปัญหาอุปสรรค วันเกิดปีนี้คงใกล้จะถึงเรื่องที่หนักหนาของชีวิต ที่เราต้องสร้างพลังใจของเราให้เข้มแข็ง หลายครั้งที่เห็นว่าเรายิ้มได้ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถที่จะระงับความรู้สึกได้ ต้องขอโทษที่ทำให้เห็นน้ำตาในวันนี้ ซึ่งได้พยายามอย่างเต็มที่เพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นเป็นห่วง แต่ก็เป็นเหตุสุดวิสัย  ตนพยายามที่จะเข้มแข็ง และเชื่อว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้ตนสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆได้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเป็นห่วงบ้านเมืองและเชื่อว่าผู้อื่นก็เป็นห่วงบ้านเมืองเช่นกัน เพราะเราทุกคนรักประเทศไทย และอยากเห็นประเทศมีความสุข ให้ทุกคนหันมามองหน้ากัน ไม่อยากเห็นบรรยากาศที่มีการต่อว่าหรือทำให้ทุกฝ่ายเกิดการแบ่งแยก พร้อมขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้คุ้มครองคนไทย และประเทศไทยให้มีความรักและสามัคคี ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนอยากเห็น และสิ่งที่สำคัญอยากให้ทุกคนกินดีอยู่ดี มีกินมีใช้อย่างพอเพียง ทั้งหมดถือเป็นความฝันสูงสุด แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ถ้าหากทุกคนทุกฝ่ายช่วยกันก็เชื่อว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้

 

ครั้งแล้วครั้งเล่า หลั่งน้ำตา !?!? ย้อนดู"ยิ่งลักษณ์" กับชะตากรรมออกหัวหรือออกก้อย  ....อีกไม่เกิน4เดือน ลุ้นคุกไม่คุก (มีคลิป)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการต่อสู้คดีในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ตนคาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะทุกอย่างอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาคดี สิ่งใดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะร้องขอต่อศาล หวังว่าศาลจะเมตตาให้ความเป็นธรรม โดยเห็นว่าหากผู้ที่ดำเนินนโยบายได้รับผลเช่นนี้ ก็เชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อตนได้ดำเนินการทุกอย่างแล้ว ตนก็รู้ว่าที่ทำเพื่ออะไร สิ่งต่างๆ เหล่านั้น หวังว่าจะมีคนเข้าใจ มีคนเห็นใจและให้ความเป็นธรรมบ้าง
    น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่าทั้งนี้ขอให้เห็นความตั้งใจของเราอย่ามองแค่ปลายทาง อย่าเอาเหตุการณ์ปัจจุบันมาตัดสินการกระทำในอดีตเลย เพราะบางครั้งสิ่งต่างๆ ได้เดินผ่านไปแล้ว หลังจากนี้ไม่สามารถระบุได้ว่าผลการวินิจฉัยคดีจะออกมาในทางลบหรือไม่ แต่ก็พยายามเข้มแข็งตลอดเวลาที่ถูกดำเนินคดี และนำพยานขึ้นสู่ศาลทุกนัด ความเข้มแข็งเรามีขีดจำกัด ถ้าใครเจออย่างตน ก็คงจะหนักหนาเหมือนกัน หวังว่าอีกไม่กี่นัดที่เหลือจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคได้ และคงได้รับความยุติธรรม

ทั้งนี้ ฝากขอบคุณประชาชนที่เดินทางไกลมาให้กำลังใจ หวังว่าจะได้มีโอกาสได้ขอบคุณด้วยตนเองและมีโอกาสกลับมาทำบุญด้วยกันอีก


หลังจากนั้นในช่วงเที่ยง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เพื่อร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์วันเกิด โดยมีครอบครัว ญาติพี่น้องบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรคเพื่อไทย รวมถึงอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมงาน

             อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่สาว นายพายัพ ชินวัตร พี่ชาย น.ส.แพทองธาร น.ส.พินทองทา ชินวัตร หลานสาว นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯ นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย 

บรรยากาศงานเลี้ยงเป็นไปด้วยความอบอุ่น ชื่นมื่น ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เป่าเทียนเค้กวันเกิดพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณคนที่มาร่วมงาน ว่า "ขอบคุณกำลังใจจากทุกท่าน น้อมรับทุกพร ทุกกำลังใจ อยากจะส่งกำลังใจไปให้พี่ชายด้วย เชื่อว่าท่านอยากมาร่วมงานด้วย เชื่อว่าเราจะมีโอกาสมีโชคดี ส่งกำลังใจไปให้พี่ชายด้วย"

             จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แจกเค้กวันเกิดให้กับมาผู้ร่วมงาน เป็นเค้กรูปปูมีสีแดง สีน้ำเงิน และสีชอคโกแลต และมีการถ่ายรูปรวมญาติ พร้อมกับช่อดอกไม้จากอดีตนายกฯทักษิณ ด้วย

ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่พูดไปช่วงเช้าว่าอยากมีโอกาสมาร่วมทำบุญด้วยกันอีกในปีหน้าในประเทศนี้ ซึ่งมีการตีความกันว่าจะไม่อยู่ในประเทศอีกว่า อันที่จริงแล้วคือต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชน โดยเราอยากมีโอกาสมาร่วมทำบุญด้วยกันอีกในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ไปตีความไปแบบนั้นเลย เท่านี้ก็หนักพอแล้ว เราทุกคนต่างมีความหวังแม้ความหวังนั้นจะมีเพียง 1% ก็ตาม ขออย่าซ้ำเติมกันอีกเลย

             เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่มีการหลบหนีคดีออกนอกประเทศหลังจากการพิจารณาคดีจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า วันนี้ดิฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้ เพื่อที่จะพิสูจน์ความจริง และหวังว่าสิ่งที่ดิฉันพิสูจน์ความจริงนี้จะทำให้ทุกอย่างรอดพ้นจากคดี เราเชื่อในความบริสุทธิ์ของเราในการที่จะต่อสู้

ส่วนเรื่องการหลั่งน้ำตาของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้น ครั้งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งที่เราได้เห็นน้ำตาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะก่อนหน้านี้ระหว่างที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้ปรากฏหยดน้ำตาให้ได้เห็นต่อสาธารณชน มาแล้วถึง5 ครั้ง ซึ่งยังได้ไม่รวม การร้องไห้ทั้งหมดภายหลังพ้นจากตำแหน่ง
โดยครั้งแรก "ยิ่งลักษณ์" เมื่อ 27 ต.ค. 2554 ภายหลังนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศแล้ว โดยช่วงน้ำท่วมใหญ่หลายพื้นที่ในกทม. และหลายจังหวัด "ยิ่งลักษณ์" ถูกผู้สื่อข่าวถามว่าท้อหรือไม่ ทำให้เจ้าตัวตอบกลับว่า "ไม่ท้อ" แต่กลับมีน้ำเสียงสั่นคลอ และน้ำตาคลอเบ้า
ครั้งที่สอง วันที่ 5 พ.ย. 2554 ในงาน Big Cleaning Day ที่จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างที่ "ยิ่งลักษณ์" กำลังให้สัมภาษณ์ถึงแผนฟื้นฟูภายหลังน้ำท่วม โดย "ยิ่งลักษณ์" ระบุ "วันนี้เราผ่านโรคร้ายมาแล้ว ถือเป็นวันดีที่จะทำให้จังหวัดนครสวรรค์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว" พร้อมมีน้ำคลอเบ้าร้องไห้อีกครั้ง
ครั้งที่สาม วันที่ 6 พ.ย.2554 ที่ โรงเรียนการเคหะท่าทรายและชุมชนท่าทราย เขตหลักสี่ ภายหลังมีข่าวว่า "กองทัพ" ประเมินให้สอบตก "ยิ่งลักษณ์" กลั้นน้ำตาไม่อยู่เหมือนเคย
ครั้งที่ 4 วันที่ 4 พ.ย.2556 "ยิ่งลักษณ์"  ให้กลุ่มญาติผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 เข้าพบ โดย "ยิ่งลักษณ์" กล่าวให้กำลังใจพร้อมสะอื้นเหมือนจะร้องไห้
และครั้งที่ 5 วันที่ 10 ธ.ค. 2556 "ยิงลักษณ์" แถลงข่าวทั้งน้ำตาประกาศยุบสภา อ้อนวอน ขอความเป็นธรรมให้คนตระกูลชินวัตร พร้อมปล่อยวรรคทองไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว หลังโดนกปปส.ชุมนุมกดดันอย่างหนัก
ล่าสุดการออกมาร้องไห้ในครั้งนี้  ประเด็นสำคัญ ต้องกลับไปโฟกัสที่คำพูดตัดพ้อของตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ว่า “หวังว่าจะได้มีโอกาสได้ขอบคุณด้วยตนเองและมีโอกาสกลับมาทำบุญด้วยกันอีก”

ซึ่งแน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องคดีโครงการจำนำข้าวที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ที่กำลัง จะสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายและคาดว่าจะมีการตัดสินคดีในเดือนกันยายนหรือตุลาคม 2560 นี้ซึ่งนั่นเท่ากับว่าชะตากรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่จะชี้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย มีระยะเวลาเพียงสามสี่เดือนเองเพราะคดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คำพิพากษาออกมาทางไหนก็ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดไม่มีการอุทธรณ์ไม่มีการฎีกาอีกแล้วหากศาลพิพากษาว่าไม่ผิดก็ถือเป็นที่สุดแต่ถ้าพิพากษาว่าผิดและต้องโทษจำคุกก็ต้องติดคุกเลย
ลองย้อนกลับไปดูเส้นทางคดีจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อปี2558
19 ก.พ. อัยการสูงสุดส่งสำนวนฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

19 มี.ค. ศาลได้มีการประชุมและมีมติเลือกนายวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน

19 พ.ค. ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และใช้หลักทรัพย์30ล้านบาท ประกันตัว

31 ส.ค. ตรวจบัญชีพยาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนคำร้อง ขอรอพิจารณาคดีเนื่องจากอยู่ในอำนาจศาลปกครองและคัดค้านการเพิ่มพยานของอสส. แต่องค์คณะตุลาการมีมติยกทั้ง 2 คำร้อง

29 ก.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนฟ้องอสส.ต่อศาลชั้นต้น กล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ซึ่งศาลสั่งไม่รับคำฟ้อง

28 ต.ค. ศาลนัดฟังคำสั่งกำหนดการไต่สวนพยานโจทก์-จำเลย รวม56 ปาก เริ่มนัดแรกต้นปี2553 และนัดสุดท้าย 18 พ.ย.59

 

ครั้งแล้วครั้งเล่า หลั่งน้ำตา !?!? ย้อนดู"ยิ่งลักษณ์" กับชะตากรรมออกหัวหรือออกก้อย  ....อีกไม่เกิน4เดือน ลุ้นคุกไม่คุก (มีคลิป)

 

ครั้งแล้วครั้งเล่า หลั่งน้ำตา !?!? ย้อนดู"ยิ่งลักษณ์" กับชะตากรรมออกหัวหรือออกก้อย  ....อีกไม่เกิน4เดือน ลุ้นคุกไม่คุก (มีคลิป)

ต่อมาในปี2559
15 ม.ค. ไต่สวนพยานโจทก์นัดแรก 4ราย จากที่กำหนด 14ปาก และนัดพยานโจทก์ปากสุดท้าย 23 มี.ค. ซึ่งสามารถไต่สวนจริงบางปากไม่เสร็จในวันเดียว บางปากเลื่อนนัด ไต่สวนพยานโจทก์เสร็จจริง 24 มิ.ย.

5 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นให้การปากแรก จากพยาน 42 ปาก ขยับจากตารางเดิมที่นัด 1 เม.ย. เสร็จสิ้น 18พ.ย.รวม16นัด

4 พ.ย. ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่6 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ขอเลื่อน ศาลให้เพิ่มวันไต่สวนอีก 2 นัด เป็น 7 ก.ค. และ 21 ก.ค. 60

9 ธ.ค. หลังไต่สวนพยานจำเลยนัดที่8 องค์คณะแจ้งทนายจำเลยบริหารจัดการพยานให้มาเบิกความต่อศาลทันกำหนดใน 21 ก.ค.นี้

15 ธ.ค. ศาลไต่สวนพยานจำเลยถึงนัดที่ 9 ให้การแล้ว 13 ปาก ขอเลี่ยน 1ราย (นายกิตติรัตน์) และขอถอน 1 ราย (นายอำพน กิตติอำพน)

และในปีนี้ 2560 ซึ่งจะถึงจุดจบของมหากาพย์คดีรับจำนำข้าวที่กินเวลานานกว่า 3 ปี
17 ม.ค. ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 10 คงเหลือพยานจำเลยอีก 28ปาก (ขอถอน 1ราย)

3ก.พ. ศาลนัดไต่สวนพยานจำเลย มีพยานรอไต่สวน 16 ปาก และพยานนัดวันที่ 23 ก.ย.59 ที่ให้เลื่อนมารวมกัน และให้เพิ่มวันไต่สวนอีก 3 นัด คือ 17 มี.ค. , 12 พ.ค. และ 16มิ.ย.60

21 ก.ค. นัดไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้าย
 
ฉะนั้น ก.ย.- ต.ค. คาดว่าศาลน่าจะนัดอ่านคำพิพากษาอย่างแน่นอน อีกสามสี่เดือนเท่านั้นเองก็จะรู้ว่าผลจะออกหัวหรือออกก้อย

นับตั้งแต่คสช. เข้ายึดอำนาจและพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบุคคลที่อยู่ในระบอบทักษิณอันเคยย่านใจ ในอำนาจทางการเมืองที่มีได้ถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายปกติอย่างต่อเนื่องและนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เป็นอีกคนหนึ่ง จึงทำให้ถูกจับตามองว่าเธอจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกระดมมวลชนเมื่อถึงคราวที่ศาลจะตัดสินพิพากษาคดีหรือไม่เพราะสิ่งที่สังคมไทยได้เห็นเสมอมาก็คือ 
มักจะเห็นภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปทำกิจกรรมต่างๆนาๆ ไม่หาจะเป็นการไปเยี่ยมชาวนา รับฟังปัญหา ท่าทีเห็นอกเห็นใจ การเปิดบ้านให้สื่อมวลชนเข้าชมโรงเห็ดและฟาร์มผัก ตลอดจนการเดินทางท่องเที่ยวเหนืออีสาน

ทั้งหลายทั้งมวลที่ได้กล่าวมานี้นั้น ล้วนซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมสร้างกระแสของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาโดยตลอด ภายใต้ความรู้สึกให้คนที่นิยมชมชอบ ได้รู้สึกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้หญิงอ่อนแอ น่าเอ็นดูและถูกรังแกตลอดมาจากคสช.และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์จนนำไปสู่การจุดประเด็นว่าถ้านางสาวยิ่งลักษณ์ต้องติดคุกแผ่นดินไทยก็จะลุกเป็นไฟ