จับตา อย่ากะพริบ!!!หลังอ่านคำพิพากษาคดีปวศ.25สค.นายกบิ๊กตู่พาครม.ทั้งคณะลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจรทันที

จับตา อย่ากะพริบ!!!หลังอ่านคำพิพากษาคดีปวศ.25สค.นายกบิ๊กตู่พาครม.ทั้งคณะลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจรทันที

จากที่ทุกฝ่ายกำลังจับตา และให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนสิงหาคม ที่กำลังจะมีคำพิพากษาคดีทางการเมืองสำคัญ3คดี คือวันที่2สค.กับคำพิพากษาคดีสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่7ตค.ปี2551 ที่ปปช.เป็นโจทก์ฟ้อง นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี  พล.อ ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี  พล.ต.อ พัชรวาท  วงษ์สุวรรณ  อดีตผบ.ตร. และ พล.ต.ท สุชาติ เหมือนแก้ว  อดีตผบช.น ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ    และในวันที่25 สค. ซึ่งจะเป็นไฮไลท์ทางการเมืองที่สำคัญ กับคำพิพากษา2คดีสำคัญคือ คดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ และพวกรวม28ราย ในคดีฮั้วประมูล และ ปฎิบัติหน้าที่มิชอบในโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี และในวันเดียวกันจะมีคำพิพากษาคดีน.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในความผิดฐานละ             เว้นการปฎิบัติหน้าที่ และ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตามกฎหมายปปช. กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และ สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า5แสนล้านบาท

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  จากคดีใหญ่ทั้งหมดที่กล่าวมา กำลังทำให้เกิดปฎิกิริยาตามมาจากบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้ง นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ระบุว่าจะมีคนเดินทางไปที่ศาลเพื่อให้กำลังใจน.ส ยิ่งลักษณ์ ในวันอ่านคำพิพากษาเป็นจำนวนนับหมื่น  ส่วน นาย วัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาชนจะไม่ปล่อยให้น.ส ยิ่งลักษณ์เป็นผู้รับกรรมจากการรัฐประหารเพียงคนเดียว เพราะประชาชนที่รักความเป็นธรรมก็มีหลายสิบล้านคนเช่นกัน เรียกว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ทำให้บรรยากาศทางการเมืองร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
แต่อย่างไรก็ตามกับความเคลื่อนไหวที่มีแนวโน้มว่าอาจเกิดความวุ่นวาย หรือ เหตุป่วนขึ้นนี้โฆษกคสช. พอ.วินธัย สุวารี ยังคงยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายพิเศษอะไรออกมาเป็นการเฉพาะเจาะจง เพราะมองว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ และการแสดงออกที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย  แต่ที่น่าสนใจคือความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรี พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา   ที่หลายคนไม่ค่อยกล่าวถึงนั้น มีรายงานว่า ในปลายเดือนสิงหาคมคือหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาคดีประวัติศาสตร์เสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีมีกำหนดลงพื้นที่ต่างจังหวัดทันที และที่น่าสนใจก็คือ การลงพื้นที่ครั้งนี้จะเป็นการลงพื้นที่ของครม.ทั้งคณะ ไม่ใช่แค่เฉพาะนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่จะเป็นการประชุมครม.สัญจร

 

 

ซึ่งมีรายงานระบุว่าขณะนี้กำหนดไว้2จังหวัด คือ  สกลนคร และ กาญจนบุรี แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้นว่า จังหวัดใดจะเป็นจังหวัดที่เหมาะสมที่สุดในการใช้เป็นพื้นที่สำหรับประชุมครม.นอกสถานที่ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนฉ่าถึงจุดเดือดเช่นนี้ รอจับตาดู อย่าได้กระพริบ