เหยียบย่ำ บ่อนทำลาย !!! "พล.ท.นันทเดช" ตอกหน้า "เนติวิทย์และพวก" โพสต์แถลงการณ์จุดยืนคณะศิษย์เก่าจุฬาฯ....ต้องจัดการเด็ดขาด!

วันที่ 21 ส.ค. 2560 บนเฟซบุ๊กของ พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ได้โพสต์ข้อความแถลงการณ์ของคณะศิษย์เก่าจุฬาฯ ที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านกรณีการกระทำของนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาลกับพวก ที่ได้กระทำการที่เป็นการไม่เคารพต่อพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณของนิสิตใหม่ประจำปีการศึกษา 2559 และ 2560 เนื่องจากกลุ่มของเนติวิทย์ได้เดินออกไประหว่างกำลังทำพิธี นอกจากนี้ยังแอบอ้างพระบรมราชโองการของรัชกาลที่ 5 มาสร้างความชอบธรรมให้แก่พฤติกรรมของพวกตน ระบุว่า

เหยียบย่ำ บ่อนทำลาย !!! "พล.ท.นันทเดช" ตอกหน้า "เนติวิทย์และพวก" โพสต์แถลงการณ์จุดยืนคณะศิษย์เก่าจุฬาฯ....ต้องจัดการเด็ดขาด!

แถลงการณ์ของคณะศิษย์เก่าจุฬาฯกรณีเนติวิทย์ ครับ.
จดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหาร 
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายนำโดยนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์กับพวกในระหว่างพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณของนิสิตใหม่ประจำปีการศึกษา 2559 และ 2560 ซึ่งไม่เคารพและปฏิบัติตามรูปแบบของพิธีการอันเป็นประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมา นอกจากนั้น ยังมีการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ โดยบังอาจแอบอ้างประกาศพระบรมราชโองการของรัชกาลที่ 5 เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่พฤติกรรมของตนและพวกนั้น

​คณะศิษย์เก่าจุฬาฯ มีความเห็นว่าหากมหาวิทยาลัยไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนรวมทั้งกำหนดบทลงโทษผู้ก่อกวนทำลายพิธีการของจุฬาฯ ตลอดจนไม่ชี้แจงให้สังคมไทยได้เข้าใจถึงบริบทและประเพณีต่างๆ ของจุฬาฯ ในอนาคตก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีกซึ่งจะนำไปสู่ความแตกแยกในหมู่นิสิตและเปิดโอกาสให้กลุ่มนิสิตที่นำโดยนายเนติวิทย์ได้มีโอกาสเผยแพร่แนวคิดที่หลงผิดแก่นิสิตและคนทั่วไปอันเป็นอันตรายอย่างยิ่งอีกด้วย จึงมีความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อฝ่ายบริหารของจุฬาฯ เพื่อพิจารณาดังนี้

1. งานประเพณีของจุฬาฯ เป็นสิ่งที่แตกต่างจากงานกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยสโมสรนิสิตทั้งความหมายและรูปแบบ การจัดงานประเพณีของจุฬาฯ เป็นการสืบทอดทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของสถาบัน เป็นสิ่งที่ดีงามควรค่าแก่การธำรงไว้และสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามยุคสมัย อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจต่อนิสิตผู้เข้าร่วมทุกคนที่จะได้รับการปลูกฝังให้มีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้ให้กำเนิด พระผู้สถาปนา และสำนึกในพระคุณของครูบาอาจารย์ ตลอดจนพัฒนาจิตสำนึกให้นำความรู้คู่คุณธรรมไปสร้างประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติภายใต้พระนาม “จุฬาลงกรณ์” ที่จะติดตัวบัณฑิตทุกคนตลอดไป

2. งานประเพณีของจุฬาฯ ไม่ว่าจะเป็น งานปฐมนิเทศนิสิตใหม่ พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ งานไหว้ครู พิธีถวายบังคมและวางพวงมาลางานวันปิยมหาราชและวันมหาธีรราชเจ้า หรือพิธีถวายบังคมลาหลังพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ล้วนเป็นงานประเพณีตามนโยบายของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่งานของสโมสรนิสิต ฝ่ายบริหารของจุฬาฯ จึงต้องรับผิดชอบในการเตรียมงานทุกด้านและทุกขั้นตอน โดยองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ หรือ อบจ. จะเป็นผู้ประสานงานให้นิสิตได้เข้าร่วมและดำเนินการตามขั้นตอนที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ภายหลังจากการปรึกษาหารือในรายละเอียดร่วมกัน ดังนั้น ฝ่ายบริหารของจุฬาฯ จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปจัดทำข้อตกลงหรือประนีประนอมกับกลุ่มนิสิตกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะกลุ่มที่เหิมเกริมต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของงานโดยมีวาระซ่อนเร้นและบิดเบือนด้วยถ้อยคำปรุงแต่งให้สาธารณะเกิดความเข้าใจผิด

3. งานประเพณีของจุฬาฯ ไม่ได้บังคับให้นิสิตทุกคนต้องเข้าร่วม แต่นิสิตใหม่ทุกคนที่กำลังย่างเท้าก้าวเข้าสู่เส้นทางชีวิตใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความอยากที่จะเรียนรู้การใช้ชีวิตที่ประกอบไปด้วยบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะนิสิตใหม่ในมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย จึงไม่มีใครปฏิเสธหรือตั้งคำถามและสมัครใจที่จะเข้าร่วมงานปฐมนิเทศนิสิตใหม่ งานไหว้ครู งานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ หรืองานอื่นๆ ที่จัดขึ้นเพราะเป็นงานประเพณีที่ทรงคุณค่า ให้ความรู้ความประทับใจ ด้วยรูปแบบงานที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และสอนสั่งให้เกิดความกตัญญูรู้คุณ สามารถตอบสนองความต้องการของนิสิตใหม่จนเกิดความภาคภูมิใจที่ได้รับการยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของลูกจุฬาฯ เมื่อผ่านพิธีต่างๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม นิสิตใหม่อาจจะไขว้เขวและสับสนหากไม่ได้รับคำชี้แนะที่ถูกต้องจนหลงเชื่อข้อมูลอันเป็นเท็จจากกลุ่มนายเนติวิทย์

4. งานประเพณีของจุฬาฯ ที่มีรูปแบบการถวายบังคมไม่ได้ขัดแย้งกับบริบทของวัฒนธรรมและประเพณีไทย ฝ่ายบริหารของจุฬาฯ สามารถอาศัยเทคโนโลยีสร้างเครือข่ายสังคมกลุ่มต่างๆ อาทิ พ่อแม่ผู้ปกครองนิสิตใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกิดความเข้าใจตรงกันเพราะพ่อแม่ผู้ปกครองยังคงมีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจเข้าร่วมงานของลูกหลาน รวมทั้งสร้างความชัดเจนกรณีที่มีข้อห้ามทางศาสนาหรือสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยว่าทางมหาวิทยาลัยมีการเตรียมการในเรื่องนี้อย่างไร คำแนะนำโดยพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีต่อลูกหลานนั้นจะยิ่งช่วยสร้างกระบวนการเรียนรู้และปลูกฝังให้นิสิตใหม่เห็นคุณค่าและพร้อมที่จะเข้าร่วมงานด้วยความกระตือรือร้น

5. นิสิตปัจจุบัน ศิษย์เก่า คณาจารย์ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานประเพณีของจุฬาฯ จะต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์กติกาเดียวกันและต้องปฏิบัติตามด้วยความเคารพและมีมารยาททางสังคม หากผู้ใดล่วงละเมิด ทำลาย สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นในระหว่างพิธีการ ฝ่ายบริหารจุฬาฯ ต้องมีแผนและมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อหยุดยั้งพฤติกรรมและยับยั้งความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้น รวมทั้งต้องกำหนดบทลงโทษต่อผู้กระทำผิดด้วยเพื่อป้องกันและป้องปรามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดอาศัยงานประเพณีเป็นเครื่องมือแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อประโยชน์ส่วนตนอันอาจจะยิ่งสร้างความหลงผิดแก่เยาวชนจนนำไปสู่การทำลายรากเหง้าแห่งประเพณีและวัฒนธรรมของสังคมไทยด้วย

6. จุฬาฯ เป็นสังคมที่เปิดกว้าง มีอิสรภาพทางวิชาการและแสดงออกได้โดยต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตที่ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ต้องเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ตลอดจนต้องไม่ลบหลู่ดูหมิ่นรูปแบบของพิธีการในงานประเพณีที่ได้รับความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยและฝ่ายบริหารของจุฬาฯ แล้ว หรือจงใจสร้างสถานการณ์เพื่อทำลายพิธีการในภาพรวม

กรณีของนายเนติวิทย์ที่มีประวัติเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนและแวดล้อมไปด้วยกลุ่มบุคคลที่สังคมไทยต้องเฝ้าระวังและจับตามองนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ไม่เคารพและปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์และขั้นตอนของพิธีการ ละเมิดสิทธิของผู้เข้าร่วมพิธีถึง 2 ครั้ง ทำลายภาพลักษณ์ของจุฬาฯ โดยอ้างว่าเป็นประธานสภานิสิตได้ทำข้อตกลงกับรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตแล้ว

ดังนั้น ฝ่ายบริหารของจุฬาฯ จึงต้องชี้แจงให้สังคมไทยได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดรวมทั้งบทบาทหน้าที่ของประธานสภานิสิตที่เป็นเพียงประธานในที่ประชุมเท่านั้น ไม่มีสิทธิมาสร้างเงื่อนไขต่อรองกับฝ่ายบริหารและไม่มีสิทธิมาตรวจสอบเพราะไม่ใช่กิจกรรมของสโมสรนิสิตเว้นแต่ให้ข้อเสนอแนะในเชิงสร้างสรรค์เท่านั้น การที่นายเนติวิทย์มาร่วมในพิธีนี้ในชุดราชปะแตนก็เป็นเพียงการมาเป็นสักขีพยานในตำแหน่งของสมาชิกสภานิสิตซึ่งยิ่งต้องทำตัวให้สมกับเกียรติที่ได้รับ มิใช่เล่นแง่หรือทำตัวเป็นขบถต่อประเพณีของสถาบันที่ตนเองเข้ามาศึกษาหาความรู้ หากฝ่ายบริหารของจุฬาฯ ยังไม่จริงจังที่จะดำเนินการลงโทษนายเนติวิทย์และพวกทั้งๆ ที่มีพยานบุคคลและภาพถ่ายเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงการวางแผนเคลื่อนไหวอย่างเป็นขบวนการ ก็เสมือนส่งเสริมให้กลุ่มอันธพาลในคราบปัญญาชนเหล่านี้ประพฤติผิดซ้ำซากและเผยแพร่แนวคิดที่หลงผิดต่อไป อันจะเป็นภัยต่อขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยและนำความเสื่อมเสียแก่สถาบันแห่งนี้ในที่สุด

โดยสรุป คณะศิษย์เก่าจุฬาฯ ขอแสดงจุดยืนที่จะธำรงรักษาไว้ซึ่งงานประเพณีที่ดีงามต่างๆ ทั้งหลายและส่งต่อให้เป็นวัฒนธรรมอันงดงามของสถาบันต่อไปอย่างไม่สูญสลาย และมีความเห็นว่า การแสดงออกซึ่งความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความเคารพสูงสุดโดยการหมอบกราบ หรือการถวายบังคมเป็นสัญลักษณ์ที่งดงามและสมควรอนุรักษ์ มิใช่แต่ภายในสถาบันเท่านั้น แม้แต่ในสังคมโดยทั่วไป คนไทยส่วนใหญ่ยังคงยึดถือปฏิบัติอยู่อย่างมิมีผู้ใดคิดจะยกเลิก การแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณ การให้เกียรติ การมีสัมมาคารวะ การแสดงความเคารพต่อบุคคลอย่างเหมาะสมแก่สถานะ เป็นสิ่งที่งดงามไม่ว่าจะใช้มาตรวัดในด้านใดๆ ทั้งในแง่ภาพลักษณ์ที่แสดงออกภายนอก ในแง่จริยธรรม และคุณค่าที่ส่อจากภายใน ไม่ว่าจะในสังคมไทยหรือแม้แต่ระดับสากล

ดังนั้น คณะศิษย์เก่าจุฬาฯ จึงขอแสดงจุดยืนต่อต้านกลุ่มบุคคลที่มีเจตนาร้ายมุ่งหวังป่วนทำลายโดยแอบอ้างพระบรมราโชวาทอย่างผิดๆ ขาดเข้าใจในบริบท (Context) ที่ถูกต้อง และเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการที่ฝ่ายบริหารของจุฬาฯ ได้จัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนความประพฤติของนายเนติวิทย์และพวก ตลอดจนใคร่ขอเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารของจุฬาฯ ดำเนินการเชิงรุกอย่างเป็นรูปธรรมและแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเร็วและมีมาตรการจัดการขั้นเด็ดขาดต่อกลุ่มผู้ไม่หวังดี ดื้อดึง เหยียบย่ำ บ่อนทำลายและสร้างความสับสนแก่สังคมไทยอันจะเป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของสถาบันในระยะยาวรวมทั้งทำลายรากเหง้าขนบประเพณีอันดีงามของชาติอีกด้วย

นายธัชพงศ์ ธรรมพุฒิพงศ์

นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ พ.ศ. 2529

 

 

อ้างอิง พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์