เตือนภัยด่วนพรุ่งนี้ระวังน้ำท่วม จ.น่านจับตาเป็นพิเศษ!

ประกาศศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ พรุ่งนี้จ.น่านระวังอาจเกิดน้ำท่วมจากฝนตกสะสม

วันที่ 3 กันยายน 2561 ข่าวประชาสัมพันธ์ น่านเฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมหลังฝนตกหนักต่อเนื่อง สทนช.ย้ำทุกหน่วยเฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝน เน้นเฝ้าระวัง จ.น่าน หลังฝนตกซ้ำกว่า 100 มม.และในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำแควน้อยท้ายเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี เริ่มปรับแผนการระบายน้ำเป็นวันละ 58 ล้าน ลบ.ม.พรุ่งนี้

 

นายสำเริง  แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในภาพรวมของประเทศขณะนี้ว่า ในวันนี้ (3 ก.ย.61) ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีปริมาณฝนมากกว่าภาคอื่นๆ โดยฝนสะสม 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบว่า มีฝนตกปานกลางถึงหนักในภาคเหนือ ได้แก่ จ.น่าน 155.5 มม. ภาคใต้ จ.พังงา 60.5 มม. นครศรีธรรมราช 57.5 มม. กระบี่ 53 มม. ระนอง 42 มม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.บึงกาฬ 56.4 มม. ศรีสะเกษ 54 มม. อุบลราชธานี 40  มม. ส่งผลให้แม่น้ำในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น

โดยศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้คาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ลำน้ำสายสำคัญๆ ได้แก่ลำน้ำก่ำ ลำน้ำสงคราม ลำน้ำอูนแม่น้ำแควน้อย แม่น้ำแควใหญ่ แม่น้ำป่าสัก อ.หล่มสัก อ.หนองไผ่ อ.เมืองเพชรบูรณ์ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ และแม่น้ำปราจีนบุรี บริเวณ ตลาดเก่า อ.กบินทร์บุรี อ.ศรีมหาโพธิ์ อ.เมืองปราจีนบุรี อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวติดตามประกาศของกรมชลประทานเรื่องสถานการณ์น้ำแม่น้ำปราจีนบุรีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแม่น้ำน่าน อ.แม่จริม อ.บ่อเกลือ อ.เวียงสา อ.ท่าวังผา อ.เมืองน่าน จ.น่าน ที่มีความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จากฝนตกหนักใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาส่วนที่แม่น้ำโขงขณะนี้ยังคงมีแนวโน้มน้ำสูงขึ้น มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่งที่ จ.หนองคาย จ.นครพนมและจ.มุกดาหาร และต้องเฝ้าระวังบริเวณจ.บึงกาฬอ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นอ่างฯขนาดใหญ่ที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ ปัจจุบันคงเหลือ 5 แห่ง

ได้แก่ 1. เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนครปริมาณน้ำ 560ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 108% ปริมาณน้ำไหลเข้า 3.54ล้าน ลบ.ม. เพิ่มขึ้น 0.51 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลออก7.03 ล้าน ลบ.ม.มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง บริเวณบ้านนาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม บ้านพอกใหญ่  อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

2. เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรีปริมาณน้ำ 756ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 106% น้ำล้นทางระบายน้ำ (Spillway) สูง 1.02ม.ลดลง 2 ซม.ปริมาณน้ำไหลเข้า14.94ล้าน ลบ.ม.ลดลง 2.81 ล้าน ลบ.ม.มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ15.74 ล้าน ลบ.ม.3. เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรีปริมาณน้ำ 8,367 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 94% ปริมาณน้ำไหลเข้า 57.04ล้าน ลบ.ม. ลดลง 7.52 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำไหลออก52.33ล้าน ลบ.ม.

โดยในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ย.61) จะเริ่มปรับแผนการระบายน้ำเป็นวันละ 58 ล้าน ลบ.ม. ไปจนถึงวันที่ 10 ก.ย.61 ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่ระบายยังไม่เกินความจุของลำน้ำแควน้อย แต่อาจมีพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางแห่งได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เอ่อสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 50 ซม. ซึ่งเน้นย้ำหน่วยเกี่ยวข้องแจ้งให้พื้นที่ท้ายเขื่อนตามลำน้ำแควน้อยให้ทราบถึงแผนการระบายน้ำด้วย

4. เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรีปริมาณน้ำ 16,144 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 91% ปริมาณน้ำไหลเข้า 50.66 ล้าน ลบ.ม. ลดลง 3.5 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลออก 25.97 ล้าน ลบ.ม. และจะเริ่มปรับแผนการระบายน้ำผ่านเขื่อนท่าทุ่งนาเป็นวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่ 7-13 ก.ย. 61 โดยปริมาณน้ำที่ระบายยังไม่เกินความจุของลำน้ำแคว แต่อาจมีพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางแห่งได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เอ่อสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 60 ซม. ที่ได้มีการแจ้งให้พื้นที่ท้ายเขื่อนตามลำน้ำแควใหญ่ให้ทราบถึงแผนการระบายน้ำล่วงหน้าแล้ว

5. เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายกปริมาณน้ำ194 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 87% ปริมาณน้ำไหลเข้า 6.87ล้าน ลบ.ม.เพิ่มขึ้น 0.46 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำไหลออกวันละ 6.16ล้าน ลบ.ม. ลดลง 0.8 ล้าน ลบ.ม. น้ำไหลผ่านทางระบายน้ำล้นสูง 0.95 ม.เพิ่มขึ้น 10 ซม.

สรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำประเทศไทย วันจันทร์ที่ 3กันยายน2561 (07.00 น.) สรุปสถานการณ์ 3 ก.ย.61 ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีปริมาณฝนมากกว่าภาคอื่นๆ

4–8ก.ย. 61บริเวณประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้  แม่น้ำในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ระดับน้ำเพิ่มขึ้นโดยต้องเฝ้าระวัง แม่น้ำน่าน (ฝนตกหนักใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา)แม่น้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำโขง แม่น้ำป่าสัก จ.เพชรบูรณ์ และแม่น้ำปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีระดับน้ำน้อย ภาคตะวันตก ภาคกลางและภาคใต้มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก 

แม่น้ำโขง:(06.00 น.) แนวโน้มน้ำสูงขึ้น มีน้ำสูงกว่าตลิ่งที่ จ.หนองคาย จ.นครพนมและจ.มุกดาหาร และต้องเฝ้าระวังบริเวณจ.บึงกาฬอ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี

สถานการณ์ฝน 

 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (06.00 น.) มีฝนตกปานกลางถึงหนักในภาคเหนือ (น่าน155.5 มม.)ภาคใต้ (พังงา 60.5 มม. นครศรีธรรมราช 57.5 มม. กระบี่ 53.0 มม. ระนอง 42.0 มม.)ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(บึงกาฬ 56.4 มม. ศรีสะเกษ 54.0 มม. อุบลราชธานี 40.0 มม.) ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง 

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

อ่างฯขนาดใหญ่ที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ มี 5แห่ง ดังนี้

1. เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ(06.00 น./ชป.) ปริมาณน้ำ 560ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 563) คิดเป็น 108% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 3.54ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน3.03) มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ7.03ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 7.35)
สภาพน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งบริเวณบ้านนาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม บ้านพอกใหญ่  อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร การบริหารจัดการน้ำ ลดการระบายน้ำเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา และ สสนก. คาดการณ์ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนปริมาณฝนในเดือน ก.ย.-ต.ค. 61 ลดลงทั้งนี้ขอให้หน่วยงานติดตามการคาดการณ์ฝนเพื่อปรับแผนการระบายน้ำ โดยต้องแจ้งประชาชนให้ทราบล่วงหน้า การแจ้งเตือนและการช่วยเหลือ แจ้งเตือนให้พื้นที่ในลุ่มน้ำสงครามตอนล่าง ตั้งแต่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร จนถึง อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ

2. เขื่อนแก่งกระจานจ.เพชรบุรี

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ(06.00 น./ชป.)ปริมาณน้ำ 756ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 757) คิดเป็น 106% น้ำล้นทางระบายน้ำ (Spillway) สูง 1.02ม. (เมื่อวาน 1.04)ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ14.94ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 17.75)มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ15.74ล้าน ลบ.ม.(เมื่อวาน 15.73) สภาพน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำไม่มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่ง การบริหารจัดการน้ำเร่งพร่องน้ำตามการคาดการณ์ฝนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ฝนในพื้นที่เพื่อปรับแผนการระบายน้ำ

3. เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ(24.00 น./2 ก.ย. 61/กฟผ.) มีปริมาณน้ำ 8,367 ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 8,363) คิดเป็น 94% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 57.04ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 64.56) มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 52.33ล้าน ลบ.ม.(เท่าเมื่อวาน)
สภาพน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ ไม่มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่ง การบริหารจัดการน้ำ ปรับแผนการระบายน้ำเป็นวันละ 58 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่ 4-10 ก.ย.61 โดยปริมาณน้ำที่ระบายยังไม่เกินความจุของลำน้ำแควน้อย แต่อาจมีพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางแห่งได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เอ่อสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 50 ซม. การแจ้งเตือนและการช่วยเหลือ แจ้งให้พื้นที่ท้ายเขื่อนตามลำน้ำแควน้อยให้ทราบถึงแผนการระบายน้ำ

4. เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (24.00 น./2 ก.ย. 61 กฟผ.) ปริมาณน้ำ 16,144 ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 16,120) คิดเป็น 91% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 50.66 ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 54.16) มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 25.97 ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 22.06)
การบริหารจัดการน้ำ ปรับแผนการระบายน้ำผ่านเขื่อนท่าทุ่งนาเป็นวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. ตั้งแต่ 7-13 ก.ย. 61 โดยปริมาณน้ำที่ระบายยังไม่เกินความจุของลำน้ำแคว แต่อาจมีพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางแห่งได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เอ่อสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 60 ซม. การแจ้งเตือนและการช่วยเหลือ แจ้งให้พื้นที่ท้ายเขื่อนตามลำน้ำแควใหญ่ให้ทราบถึงแผนการระบายน้ำ

5. เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (06.00 น./ชป.) ปริมาณน้ำ194 ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 193)คิดเป็น 87% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 6.87ล้าน ลบ.ม.(เมื่อวาน 6.41) มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 6.16ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน6.96) น้ำไหลผ่านทางระบายน้ำล้นสูง 0.95 ม.(เมื่อวาน 0.85) การบริหารจัดการน้ำ ลดการระบายน้ำ ทั้งนี้ขอให้หน่วยงานติดตามการคาดการณ์ฝนอย่างใกล้ชิดเพื่อการปรับแผนให้เหมาะสม โดยต้องแจ้งประชาชนให้ทราบล่วงหน้า
ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ให้วางแผนปรับลดการระบายน้ำ เช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนน้ำอูน และอ่างขนาดกลาง/ขนาดเล็ก ทุกแห่ง

ตามการคาดการณ์ที่ปริมาณน้ำฝนที่มีแนวโน้มลดลงในเดือน ก.ย.-ต.ค. 61 พื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ให้ติดตามการพยากรณ์อากาศในช่วง ก.ย. นี้ เพื่อวางแผนปรับการระบายน้ำในแม่น้ำสายหลัก ทั้งนี้ ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด ส่วนในพื้นที่ภาคตะวันตก ใน 4 เขื่อนขนาดใหญ่ (ศรีนครินทร์ วชิราลงกรณ แก่งกระจาน และปราณบุรี) ยังคงต้องเร่งการพร่องน้ำ ตามการคาดการณ์ฝนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องและรองรับฝนตามฤดูกาลในปลายเดือน ก.ย.-ต.ค. 61

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำ/ลำน้ำ แม่น้ำสายสำคัญ

- ภาคเหนือมีระดับน้ำปานกลางถึงน้ำมากไม่มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่ง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีระดับน้ำปานกลางถึงน้ำมากมีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่งใน แม่น้ำสงครามจ.สกลนคร อ.เซกา จ.บึงกาฬ ห้วยหลวง จ.อุดรธานีแม่น้ำโขง บริเวณ จ.หนองคาย จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีระดับน้ำน้อยถึงปานกลาง ไม่มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่ง
- ภาคตะวันตก มีระดับปานกลางถึงน้ำมากไม่มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่ง
- ภาคตะวันออก มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่งใน แม่น้ำนครนายก บริเวณ อ.องครักษ์ จ.นครนายก แม่น้ำปราจีนบุรี บริเวณ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
- ภาคกลางและภาคใต้ มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก มีน้ำสูงกว่าระดับตลิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ 

การติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ 

ตามมติที่ประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 5/2561 เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 61 ให้พื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนที่มีอ่างเก็บน้ำปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุ พิจารณาปรับแผนการระบายน้ำ เพื่อเก็บกักน้ำให้พอเพียงในฤดูแล้ง และอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 50% ของความจุ ต้องวางแผนเก็บกักน้ำและเติมน้ำโดยประสานกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร
อ่างฯ ขนาดใหญ่+ กลาง :ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มี 53,724ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 76ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง มี 3,125ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 61รับน้ำได้อีก 19,252 ล้าน ลบ. ม.

อ่างฯที่ความจุเกิน 100% ขนาดใหญ่ 2 แห่ง เขื่อนน้ำอูน (108% เมื่อวาน 109%) เขื่อนแก่งกระจาน(106% เมื่อวาน 107%) ขนาดกลาง 16 แห่ง(ลดลง6 แห่ง) ซึ่งอยู่ใน ภาคเหนือ 1 แห่ง (ลดลง 1 แห่ง) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 แห่ง (ลดลง4แห่ง) ภาคกลาง (ลดลง 1 แห่ง) และภาคตะวันออก 3 แห่ง (เท่าเดิม)

อ่างเฝ้าระวัง (80-100%)ขนาดใหญ่ 5 แห่ง เขื่อนวชิราลงกรณ (94% เท่าเดิม)เขื่อนศรีนครินทร์ (91% เท่าเดิม) เขื่อนรัชชประภา (86% เท่าเดิม )เขื่อนขุนด่านปราการชล (87%เท่าเมื่อวาน)เขื่อนปราณบุรี (80% เท่าเดิม)ขนาดกลาง 65 แห่ง(เพิ่มขึ้น1 แห่ง)แยกเป็น ภาคเหนือ9 แห่ง (เพิ่มขึ้น 1 แห่ง) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 39 แห่ง (เพิ่มขึ้น3 แห่ง) ภาคตะวันออก11  แห่ง (ลดลง 1 แห่ง) ภาคกลาง 4 แห่ง (เท่าเดิม) และภาคใต้ 2 แห่ง (ลดลง 2 แห่ง)

อ่างเฝ้าติดตาม (น้อยกว่า 30%) ขนาดใหญ่ 2 แห่ง เขื่อนอุบลรัตน์ (28%เท่าเดิม) เขื่อนทับเสลา (25%เท่าเดิม)ขนาดกลาง 39 แห่ง(เพิ่มขึ้น1 แห่ง) ภาคเหนือ 2 แห่ง (เท่าเดิม)  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 26 แห่ง (เท่าเดิม)  ภาคตะวันออก 4 แห่ง (เท่าเดิม)

ภาคกลาง 1 แห่ง (เท่าเดิม)  ภาคใต้ 6 แห่ง (เพิ่มขึ้น 1 แห่ง)

อ่างเฝ้าติดตามที่มีระดับต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุม (Lower Rule Curve)  ขนาดใหญ่ 2 แห่ง เขื่อนกิ่วลม (38%) เขื่อนบางลาง (50%)
- พื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วม:ลำน้ำก่ำ ลำน้ำสงคราม ลำน้ำอูนแม่น้ำแควน้อย แม่น้ำแควใหญ่แม่น้ำป่าสัก อ.หล่มสัก อ.หนองไผ่ อ.เมืองเพชรบูรณ์ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ และแม่น้ำปราจีนบุรี บริเวณ ตลาดเก่า อ.กบินทร์บุรี อ.ศรีมหาโพธิ์ อ.เมืองปราจีนบุรี อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี(ทั้งนี้ให้ติดตามประกาศของกรมชลประทานเรื่องสถานการณ์น้ำแม่น้ำปราจีนบุรี) แม่น้ำน่านอ.แม่จริม อ.บ่อเกลือ อ.เวียงสา อ.ท่าวังผา อ.เมืองน่าน จ.น่าน(ฝนตกหนักใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา)

- สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา : ปัจจุบันอัตราการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 820 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้ายเขื่อนจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 30-50 ซม.ต้องพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ปรับลดการระบายน้ำในเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิตติ์    แล้วเมื่อวานนี้

- ประกาศศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ รวม 9 ฉบับ ล่าสุด ฉบับที่ 9/2561 (1 ก.ย. 61) เรื่องสถานการณ์น้ำแม่น้ำโขง
 

 

ขอบคุณ ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ