ถอดรหัส!! "รธน." ม.139 ปราบโกง ส.ส.แปรฯงบทุจริต

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

 


ถูกขนานนามเอาไว้อย่างชัดเจนว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่ ณ ขณะนี้ เป็นฉบับ ปราบโกง และให้น้ำหนักไปที่การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินอย่างมีคุณค่า และป้องกันการทุจริต

 

 

 


โดยสามารถอธิบายผ่านภาพกราฟฟิคและหลักการในเรื่องนี้เอาไว้ดังนี้

การใช้จ่ายเงินแผ่นดินทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ และ ไม่ให้ทุจริต

- ให้มีกฎหมายการเงินการคลังเพื่อเป็นกรอบในการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน

- วางกลไกป้องกันไม่ให้รัฐบาลกู้เงินมาใช้โดยไม่มีการตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ

- กำหนดบทลงโทษ สำหรับ ส.ส. ส.ว. ครม. ที่มีส่วนทั้งทางตรง หรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณหรือจัดทำโครงการใดๆ

บทลงโทษ สำหรับ ส.ส. ส.ว. กล่าวคือ
- สิ้นสมาชิกภาพ ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย

บทลงโทษ สำหรับ คระรัฐมนตรี .กล่าวคือ
- พ้นทั้งคณะ ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย

บทลงโทษ สำหรับ จนท.รัฐ อนุมัติและดำเนินการโดยไม่ได้โต้แย้ง กล่าวคือ
- ชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย


ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ มาตรา 139 เรื่องการพิจารณางบประมาณแผ่นดินโดยรัฐสภา ซึ่งกำหนดหลักการและโทษเอาไว้อย่างเฉียบขาด เพื่อไม่ให้ส.ส.แปร


งบประมาณไปใช้ประโยชน์ และถ้าหากว่าฝ่าฝืนมีโทษให้พ้นจากสมาชิกภาพและตัดสิทธิ์ทางการเมือง

 


เช่นเดียวกับคณะรัฐมนตรี หากรู้เห็นเป็นใจก็จะได้รับโทษสถานหนักเช่นเดียวกัน
ร่างรัฐธรรมนูญส่วนที่ 4 บทที่ใช้แก่สภาทั้งสอง

มาตรา 139 ระบุว่า

ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมและร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะแปรญัตติเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการหรือจำนวนในรายการมิได้ แต่อาจแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนรายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้


(1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้
(2) ดอกเบี้ยเงินกู้
(3) เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย


ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือของคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้

 

ในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา มีจำนวน ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา เห็นว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสอง ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา และศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นดังกล่าว ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสอง

 


ให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำดังกล่าวเป็นอันสิ้นผล ถ้าผู้กระทำการดังกล่าวเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

 


แต่ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กระทำการหรืออนุมัติให้กระทำการ หรือรู้ว่ามีการกระทำดังกล่าวแล้วแต่มิได้สั่งยับยั้ง ให้คณะรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้อยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีมติ และให้ผู้กระทำการดังกล่าวต้องรับผิดชดใช้เงินนั้นคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ย

 


เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดรู้ว่ามีการดำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถ้าอนุมัติหรือจัดสรรงบประมาณที่มีลักษณะดังกล่าวโดยมิได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือ ต้องรับผิดชดใช้เงินนั้นคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ยร่วมกับผู้กระทำการตามวรรคสองด้วย ทั้งนี้ ตามจำนวนเงินงบประมาณที่ได้จ่ายไป

 


การเรียกเงินคืนตามวรรคสามหรือวรรคสี่ ให้กระทำได้ภายในยี่สิบปีนับแต่วันที่มีการจัดสรรงบประมาณนั้น

 

เพื่อให้คุณผู้ชมเห็นภาพการแปรญัติติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ โดยสภาผู้แทนราษฎร จนเลยเถิดไปถึงการทุจริต และส่อว่าคนกลุ่มนี้ทำกันเป็นขบวนการตั้งแต่ส.ส. รัฐมนตรี บริษัทเอกชน

 

ดังตัวอย่างต่อไปนี้

การตรวจสอบการทุจริตกรณีก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอล (งบแปรญัตติ)  ปี 2555

งบญัตติ ปี 2555  วงเงิน 690 ล้านบาท
หน่วยงาน  : สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ  (358 โรงเรียน)
เพื่อซ่อมแซมอาคาร    257 โรงเรียน
เพื่อการก่อสร้างสนามฟุตซอล 101 โรงเรียน
 ลักษณะมูลความผิด
1.มีเพียงบริษัทเดียวที่ประมูลงานได้ในภาคอีสาน
2.สถานที่ก่อสร้างไม่มีความพร้อม
3.วัสดุที่นำมาติดตั้งไม่เหมาะสม มีราคาสูง
4.วัสดุใช้ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน
5.ชำรุดเสียหาย หมดสภาพการใช้งาน
6.การก่อสร้างไม่เสร็จเรียบร้อย ไม่เป็นไปตามสัญญา


คณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติส่งป.ป.ช. โครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้า แสงสว่างไฟถนนโซล่าเซลล์ (Solar Cell)

งบประมาณ : งบแปรญัตติ งบอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปี 2556    วงเงิน 548 ล้านบาท จำนวน 13 จังหวัด 173 โครงการ

ส่วนราชการ : องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  กระทรวงมหาดไทย

 


วัตถุประสงค์ : เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ข้อสังเกต  คือ
1.แผงโซล่าเซลล์ราคาในแต่ละแห่งไม่เท่ากัน ไม่มีราคากลางกำหนด โดยมีราคาตั้งแต่ 42,000 ถึง 114,000 บาท
2.การจัดซื้อจัดจ้างไม่เป็นไปตามระเบียบที่กำหนด


โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ (การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย)

งบประมาณ : งบแปรญัตติ  699 ลบ. แบ่งเป็น
ปี 25556  วงเงิน 361 ลบ.
ปี 2556    วงเงิน 338 ลบ.

ส่วนราชการ : กรมพลศึกษา  กระทรวงการท่องเที่ยวฯ

 


วัตถุประสงค์ : เพื่อพัฒนาแหล่ง-ท่องเที่ยวของชุมชน

ข้อสังเกต คือ
1.ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์
2.ไม่เหมาะสมกับพื้นที่ ไม่คุ้มค่า
3.ราคาแพงเกินจริง ไม่ปฏิบัติตามแนวทางการเปิดเผยราคากลางและการคำนวณการจัดซื้อจัดจ้างของ ปปช.
4.การกำหนดคุณลักษณะครุภัณฑ์เข้าข่ายกีดกันผู้ผลิตและผู้ขายรายอื่น
5.การจัดซื้อจัดจ้างไม่เป็นไปตามระเบียบที่กำหนด

 


นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นของการแปรฯงบประมาณโดยส.ส.ไปใช้จ่าย จนกลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตเป็นจำนวนเงินมหาศาลในแต่ละปีงบประมาณ