เปิดชื่อเอกสารการเงินลับ "ปานามา เปเปอร์" !! แฉเส้นทางฟอกเงินเลี่ยงภาษีทั่วโลก

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

 

อีกหนึ่งประเด็นที่กำลังถูกพูดถึงกับ ข้อมูลการรั่วไหลของเอกสารด้านการเงินครั้งยิ่งใหญ่ ที่ถูกเรียกกว่า "ปานามา เปเปอร์" (Panama Papers)

 

 

 


ซึ่งมีรายชื่อคนดังระดับโลก ตลอดจนพวกกลุ่มอาชญากรและแก๊งมาเฟีย ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็คงต้องติดตามตรวจสอบกันต่อไป

 


ข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดโปงออกมาโดยหนังสือพิมพ์เยอรมนี Suddeutsche Zeitung ร่วมกับสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนนานาชาติ  หรือ ICIJ

 


ซึ่งเว็บไซต์ Vice รายงานข่าวการรั่วไหลของเอกสารด้านการเงิน ที่ถูกเรียกกว่า "ปานามา เปเปอร์" ซึ่งเป็นข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย Mossack Fonseca ในประเทศปานามา ที่มีจำนวนข้อมูลรวมกว่า 11.5 ล้านฉบับ ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2520 มาจนถึงปลายปี 2558 ที่ชี้ให้เห็นการจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศของเหล่าผู้นำประเทศและนักการเมืองกว่า 140 รายจากกว่า 50 ประเทศ เพื่อการฟอกเงิน ปกปิดความร่ำรวย หลบเลี่ยงภาษี ตลอดจนเลี่ยงการถูกคว่ำบาตรหรือทำรัฐประหาร

 


วิธีการนั้นคือการจัดตั้งบริษัทขึ้นในต่างประเทศ ในรูปแบบที่เรียกว่า shell company หรือบริษัทที่มีแต่เปลือก ซึ่งตัววิธีการจัดตั้งบริษัทลักษณะนี้ไม่นับว่าขัดต่อกฎหมาย แต่ทั้งนี้มันก็แสดงให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนโปร่งใสในที่มาของเงิน เมื่อมันถูกใช้บังหน้าในการทำธุรกรรมกับเงินจำนวนมหาศาลโดยไม่ให้รู้ตัวตนของผู้ทำธุรกรรม ตามข้อมูลจากเอกสารลับปานามา พบว่ามีบริษัทจัดตั้งต่างประเทศถึง 214,488 บริษัท และมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลจาก 200 ประเทศและอาณานิคมทั่วโลก ซึ่งทาง ICIJ ระบุว่า จะเผยรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้

 


ทั้งนี้ รายชื่อที่ทั่วโลกให้ความสนใจนำโดยนายกรัฐมนตรีซิกมุนดูร์กุนน์ล็อกสัน ผู้นำไอซ์แลนด์ ซึ่งยกเลิกให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของสวีเดนแบบกลางอากาศ หลังผู้ดำเนินรายการถามถึงบริษัท "วินทริส" ที่เป็นหนึ่งในบริษัทนอกอาณาเขต หรือ "บริษัทเงา" ที่อยู่ในการดูแลของมอสแซค ฟอนเซกา อีกทั้งสภาของไอซ์แลนด์มีกำหนดลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจต่อกุนน์ล็อกสันในสัปดาห์นี้ด้วย

 


ขณะที่ผู้นำประเทศที่อยู่ในรายชื่อ รวมถึงประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ผู้นำยูเครน ประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี ผู้นำอาร์เจนตินา สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย และประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) และเจ้าผู้ครองนครอาบูดาบี

 


ขณะที่ในส่วนของวงการกีฬานั้น ผู้ที่มีรายชื่อรวมถึงลิโอเนลเมสซี นักฟุตบอลชื่อดังทีมชาติอาร์เจนตินา นายมิเชล พลาตินี ประธานสมาคมฟุตบอลยุโรป ( ยูฟ่า ) ซึ่งถูกพักงาน 6 ปี ตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และนายฮวน เปโดร ดาเมียนี สมาชิกคณะกรรมาธิการด้านจริยธรรมของสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ ( ฟีฟ่า )


ด้านบุคคลมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงมีมากมาย หนึ่งในนั้นคือแจ็คกี ชาน หรือ เฉินหลง

 


 

ICIJ ยังเปิดโปงอีกว่า มีธนาคารกว่า 500 แห่ง ที่สาขาย่อยได้ทำงานร่วมกับ Mossack Fonseca เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการจัดตั้งบริษัทนอกประเทศ ในรายชื่อเหล่านั้น ปรากฏชื่อของธนาคาร UBS มีส่วนอำนวยความสะดวกในการจัดตั้งบริษัทต่างชาติกว่า 1,100 แห่ง และธนาคาร HSBC อีกกว่า 2,300 แห่ง 

 


นอกจากนี้ ฟอนเซกายังประณามการเปิดโปงเอกสารในครั้งนี้ด้วยว่า คือการเจรจาบ่อนทำลายชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของปานามา ซึ่งมีศักยภาพด้านการแข่งขันในเรื่องนี้สูงกว่าหลายบริษัททั้งนี้ รายงานของไอซีไอเจระบุว่า มอสแซค ฟอนเซกา ก่อตั้งโดยนายเจอร์เก้นมอสแซค นักกฎหมายชาวเยอรมัน วัย 68 ปี ซึ่งย้ายตามครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานในปานามาตั้งแต่ยังเยาว์วัย โดยบิดาของมอสแซคเป็นอดีตทหารของกองทัพนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และเคยเสนอตัวทำงานให้กับสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐ ( ซีไอเอ ) จากนั้นรวมกิจการกับบริษัทของฟอนเซกา และทำธุรกรรมร่วมกับบริษัทมากกว่า 210,000 แห่ง ส่วนใหญ่จดทะเบียนอยู่ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ของสหราชอาณาจักรนอกจากนี้ มอสแซค ฟอนเซกา ยังมีบริษัทในเครืออีกหลายแห่งซึ่งจดทะเบียนที่เกาะนีอูเอ ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้กับนิวซีแลนด์

 


โดยรายได้ของบริษัทระหว่างปี 2520-2543 ร้อยละ 80 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของเกาะนีอูเอ ที่มีประชากรราว 2,000 คน ขณะที่ฟอนเซกาเคยรับหน้าที่ที่ปรึกษาทางกฎหมายให้แก่ประธานาธิบดีฮวน คาร์ลอสวาเรลา ผู้นำปานามาด้วย

 


สำหรับสถาบันการเงินที่พัวพันกับมอสแซค ฟอนเซกา ตลอดเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา หรือระหว่างปี 2520-2558 พบว่าธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์เปิดบัญชีให้กับบริษัทนอกอาณาเขตมากกว่า 1,100 บัญชี และธนาคารเอชเอสบีซีของอังกฤษมากกว่า 2,300 บัญชี ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน

 


หลังจากที่มีข้อมูล ในการฟอกเงิน ปกปิดความร่ำรวย หลบเลี่ยงภาษี ออกมาหลายภาคส่วนในต่างประเทศ ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด้นดังกล่าว

 


นายปีเตอร์ คาร์ โฆษกกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ทางสหรัฐได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว และกำลังทบทวนดูอยู่ว่าการคอรัปชั่นในต่างประเทศจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสหรัฐหรือระบบการเงินสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ แต่ก็จะไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับข้อมูลที่อ้างถึงการหลบเลี่ยงภาษีของบุคคลและองค์กรต่างๆที่กำลังกลายเป็นข่าวอื้อฉาวอยู่ในเวลานี้

 


ซึ่งบ่งชี้ว่า บรรดานักการเมืองและผู้นำทรงอิทธิพลในประเทศต่างๆ มีส่วนพัวพันกับการหลบเลี่ยงภาษี ด้วยการอาศัยช่องโหว่ในกฎหมายเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง

 


ขณะที่ ธนาคาร RCB ได้ตอบโต้ข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า RCB มีนโยบายไม่ปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำเช่นนั้น ธนาคารยังเปิดให้รัฐบาลไซปรัสและยุโรปเข้าตรวจสอบข้อมูลกิจกรรมของธนาคารด้วย นอกจากนี้ธนาคารยังมีจุดยืนต่อต้านการฟอกเงินอันเกิดจากกิจกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 


ขณะนี้ธนาคารกลางกำลังตรวจสอบรายงานที่อาจเกี่ยวข้องกับระบบธนาคารของไซปรัส

 


ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนยังไม่แสดงท่าทีใด ๆ หลังจากเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนนานาชาติ (ไอซีไอเจ) เผยแพร่เอกสารบางส่วนพาดพิงประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนรวมอยู่ด้วย

 

 

หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ในเครือพีเพิลเดลีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุในบทบรรณาธิการฉบับวันนี้ทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษว่า สื่อตะวันตกที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอาจใช้เรื่องนี้เล่นงานเป้าหมายทางการเมืองในประเทศนอกกลุ่มตะวันตก เพราะข้อมูลที่ไม่เป็นผลดีต่อสหรัฐมักถูกลดทอนจนไม่เหลือ แต่ข้อมูลเปิดโปงผู้นำนอกกลุ่มตะวันตก เช่น ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียกลับถูกขยายความเสียใหญ่โต

 


แต่ที่เห็นจะเป็นกระแสขึ้นมาถึงขนาด ประชาชนในประเทศออกมาประท้วง  นั่นคือ นายกรัฐมนตรีซิกมุนดูร์ ดาวิโอ้ กุนน์ล็อกส์สัน ของไอซ์แลนด์ ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก จากการชุมนุมประท้วงของประชาชนเป็นจำนวนมากถึง 10,000 คน ที่ด้านนอกรัฐสภาในกรุงเรกยะวิกของไอซ์แลนด์ หลังจากมีชื่อของนายกุนน์ล็อกส์สัน และภริยา ในเอกสารปานามา หรือ ปานามา เปเปอร์ส และนายกุนน์ล็อกส์สันปฏิเสธการลาออกจากตำแหน่ง

 


ไม่เฉพาะรายชื่อของต่างประเทศเท่านั้น เพราะมีรายชื่อของประเทศไทยโดย พบรายชื่อของบุคคล 780 คน ทั้งที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในไทย และบริษัทจดทะเบียน 634 แห่ง ใช้บริการของมอสแซค ฟอนเซกาด้วยเช่นเดียวกัน 


สำหรับรายชื่อ ยกตัวอย่างเช่น

Nadine TAVEESIN นลินี ทวีสิน

Yuenyong Opakul ยืนยง โอภากุล

Mrs Potjaman Shinawatra พจมาน ชินวัตร

Bhanapot Damapong บรรณพจน์ ดามาพงศ์

Chain Issara ชาญ อิสสระ

Surangrat CHIRATHIVAT สุรางค์รัตน์ จิราธิวัฒน์

Bunyong Ponpanich บรรยง พงษ์พาณิชย์

Bannawit Kengriean พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน

 


เป็นที่น่าสนใจ ว่าเพราะเหตุใดถึงมีรายชื่อคนไทยอยู่ในเอกสาร และจะไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ปกปิดความร่ำรวย หลบเลี่ยงภาษี หรือไม่

 


ซึ่งเริ่มมีปฏิกิริยา คนไทยที่เป็น 1 ในรายชื่อออกมาปฏิเสธข้อมูลดังกล่าว

 


พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม 1 ในคนไทยที่มีชื่อปรากฏ กล่าวว่า สงสัยอยู่ว่าไปมีชื่อได้อย่างไร เพราะไม่เคยไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ ตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ปัญหาขณะนี้ที่เป็นกังวลคือ กลัวเพื่อนจะมายืมเงิน เพราะเห็นว่าตนมีเงินเยอะ ทั้งๆ ที่มันไม่มี

 


และจากรายชื่อที่ปรากฏ ให้ความเห็นยากว่าชัวร์หรือมั่วนิ่ม ล้วนแต่เป็นคนที่มีเงิน น่าจะเป็นผมคนเดียวที่จนสุด อย่างผมถ้าจะเอาเงินไปฝากต่างประเทศ คงไม่มีเงินเหลือพอไปฝาก เป็นอะไรที่แปลก ทำไมถึงมีชื่อ ยังงงอยู่ และไม่ได้เป็นเกียรติที่ถูกจัดไปอยู่ในกลุ่มคนมีเงินดังกล่าว

 


เช่นเดียวกับ นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  ได้โพสต์ FB ส่วนตัวว่า เห็นชื่อตัวเองอยู่ในPanama Leak แล้วงงมากครับ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยติดต่อ ไม่เคยใช้บริการใดๆจาก Mossack Fonseca(เพิ่งรู้จักชื่อก็วันนี้เอง) และไม่เคยมีนิติกรรมใดๆในปานามา จะติดตามหาข้อเท็จจริงมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ มีรายชื่อคนไทยเกือบพันคน ดังๆทั้งนั้น

 


สำหรับรายชื่อที่ ปรากฏ เป็นคนไทย ก็คงต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง ให้แน่ชัดอีกครั้ง เนื่องจากว่า เป็นหลักฐานที่ไม่เป็นทางการ

 


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าว ถึงกรณีที่มีเอกสารลับจากปานามา ว่า กำลังให้สอบสวนอยู่ เพราะเป็นหลักฐานที่ไม่ได้เป็นทางการมาจากสื่อมวลชน แต่เรารับในทุกเรื่อง ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าดีที่มีคนชี้เป้าหมายให้ จะได้จับติดคุกกันมากๆ และจะได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องมีการสรุปข้อเท็จจริงก่อน

 


ทั้งนี้รัฐบาลทำงาน 2 อย่าง คือเปิดเผยเข้ากระบวนการได้เลยในกรณีที่เป็นหนังสือราชการ ระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล แต่เรื่องดังกล่าวเผยแพร่มาจากหนังสือพิมพ์ และมีหลายประเทศที่เกี่ยวข้องด้วย เราจึงต้องดูแนวทางของต่างประเทศด้วยว่าทำอย่างไร ซึ่งเรามีคณะทำงานอยู่แล้ว โดยการประสานของฝ่ายยุติธรรมที่เชื่อมโยงกันหมดในรัฐบาลนี้

 


พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การตั้งบริษัท Offshore นั้น อยากให้มองว่า 1.อาจเป็นการตั้งบริษัทเพื่อการลงทุน หรือ 2.อาจเป็นการฟอกเงิน ดังนั้นคงต้องให้เวลาตรวจสอบเสียก่อน

 


ซึ่ง เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ขณะนี้ได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบ เอามายืนยัน โดยเฉพาะรายละเอียด เงินหมุนเวียนว่า เป็นเงินเอาไปทำอะไร ผิดก็ดำเนินการ ไม่ผิดก็จบ อย่าไปตื่นตระหนก จะไปดูชื่อดูอะไร ต้องให้เกียรติเขา ให้ความเป็นธรรมกับเขา

 


ขณะที่ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ในส่วนของสตง.คงจะประสานไปยังกรมสรรพากร เพื่อให้ตรวจสอบการเสียภาษีของ 21 คนไทยที่มีชื่อปรากฏออกมา เพื่อดูว่ารายได้ที่มีนั้นสอดรับกับการเสียภาษีย้อนหลังในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาหรือไม่    

 


และ จะประสานไปยังหน่วยงานรัฐที่สามารถตรวจสอบ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน