- 25 ส.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
แม้จะมีความชัดเจนทางการเมืองมาเป็นลำดับ สำหรับหลักการว่าด้วยการพิจารณาโหวตนายกรัฐมนตรี แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีบางประเด็นสืบเนื่องจากการพิจารณาของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่เห็นว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรก บทบาทหน้าที่ของสว.จะทำได้เพียงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากการเสนอชื่อของจากพรรคการเมืองเท่านั้น และเป็นหนึ่งประเด็นที่ดูเหมือนจะมีความเห็นไม่ตรงกันระหว่างสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และกรธ.
ล่าสุด นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.)สามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ได้แสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า ส่วนตัวเคารพการตัดสินใจของกรธ.ที่ยืนยันตามหลักการเดิม และยอมรับว่าเป็นหลักการที่ดี แต่ขณะเดียวกันสนชก็จะยังยืนยันตามหลักของสนช. และไม่ถือว่าความเห็นที่แตกต่างจะเป็นประเด็นที่ทำให้กรธ.และสนช.เกิดความขัดแย้งกันแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย
นายสมชาย กล่าวอีกว่า ถึงแม้กรธ.จะยังไม่ได้ส่งร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้วไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่คณะกมธ.คงจะไม่นำเสนอความเห็นไปยังกรธ.แล้ว แต่คณะกมธ.จะดำเนินการรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวกับการตั้งคำถามพ่วงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคำอภิปรายในสนช.และหนังสือที่สนช.เคยทำไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งไว้ให้เรียบร้อย เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญส่งหนังสือมาให้สนช.เข้าไปชี้แจงเมื่อไรทางสนช.จะดำเนินการในส่วนนี้ทันที
“ในภาพรวมตามความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้นเป็นไปตามคำถามพ่วงที่ผ่านการทำประชามติ แต่มีสองเรื่องที่ยังเห็นไม่ตรงกัน คือ การเสนอชื่อนายกฯ และ การเลือกนายกฯจากบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีพรรคการเมือง
ทางด้าน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่ า สำหรับตนเองไม่กังวลและเห็นเป็นเรื่องที่ดีแม้ระหว่างกรธ.กับสนช.จะมีมุมมองที่แตกต่างกัน เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าสิ่งที่ กรธ. เขียนไปยังไม่ตรงตามเจตนารมณ์ ก็สามารถปรับแก้ได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่าหาก กรธ.แปลตามเจตนารมณ์ของ สนช. จะรู้สึกว่าไกลจากข้อความของคำถามพ่วงที่ไปถามประชาชนเอาไว้ จึงต้องตีความตามตัวอักษร โดยมั่นใจว่ากรณีดังกล่าวไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง กรธ. กับ สนช. เพราะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และไม่คิดว่าจะมีผลต่อการพิจารณากฎหมายลูกที่จะต้องทำงานร่วมกันในอนาคตด้วย
ขณะที่ล่าสุด ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความในประเด็นเดียวกันนี้ว่า “ ประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องประกอบด้วย 3 มิติ 1. เป้าหมาย "เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเป็นใหญ่" ไม่ใช่ "ประชาชนเป็นใหญ่" (ท่านพุทธทาส) 2. วิธีการ เป็นรอง การเลือกตั้งให้ได้คนดีก็ดี แต่การคัดเลือก เลือกสรรให้ได้คนดี ก็ดีไม่แพ้กัน 3. มโนสำนึก "ธรรม" ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม ยุติธรรม และธรรมาภิบาล ครบถ้วนทั้ง 3 มิติ เป็นประชาธิปไตยสูงสุด สมบูรณ์แบบที่สุด เรียกว่า "ธรรมาธิปไตย"
ดังนั้น "คนนอก" หรือ "คนใน" ไม่สำคัญ สำคัญที่คนดี และ นำพาประเทศสู่ "ธรรมาธิปไตย"สืบทอดอำนาจ หรือ ไม่สืบทอดอำนาจ ไม่ใช่ปัญหา ตราบเท่าที่ นำพาประเทศสู่ "ธรรมาธิปไตย"