- 04 พ.ย. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
ถือเป็น 2 รายล่าสุดที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งทางการเมือง ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2550 สำหรับนายนริศร ทองธิราช อดีตส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ตามข้อกล่าวความผิดว่าด้วยคำร้องเสียบบัตร และกดคะแนนออกเสียงแทนกันในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาส.ว รวมถึง นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ถูกถอดถอนตามมูลฐานความผิดฐานปลอมร่าง รธน.
โดยที่ประชุมสนช.มีมติให้ถอดถอน นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กรณีใช้บัตรลงคะแนนแทนบุคคลอื่นในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ประเด็นที่มา ส.ว. ด้วยคะแนนเสียง 221 ต่อ 1 งดออกเสียง 2 เสียง และ มีมติถอดถอนนายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนนเสียง 206 ต่อ 15 เสียง กรณีสลับร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ประเด็นที่มา ส.ว.เพื่อเปลี่ยนหลักการใหม่ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญให้ ส.ส.ลาออกมาเป็น ส.ว.ได้โดยไม่ต้องเว้นวรรค ตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี
ทั้งนี้ที่ผ่านมาสภานิติบัญญัติแห่งชาติยุคปัจจุบัน มีการพิจารณาบุคคลที่ถูกถอดถอนและตัดสิทธิทางการเมืองเป็นลำดับตามข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ตั้งแต่มีคำสั่งยุบวุฒิสภาโดยคำสั่งคสช. เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2557 ดังนี้
1. คดี นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ได้กระทำการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
2. คดี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กระทำการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
3. คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กระทำการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและบทกฎหมายในเรื่องการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
4. คดีสมาชิกวุฒิสภา 38 คน จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมาย หรือฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.
โดยที่ผ่านมาผลการลงมติของที่ประชุมสนช.มีรายละเอียดดังนี้
1.วันที่ 23 ม.ค. 2558 ที่ประชุม สนช. มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีโครงการรับจำนำข้าว ด้วยคะแนน 190:18 งดออกเสียง 11 เสียง ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี และถือเป็นนักการเมืองคนแรกที่ถูกถอถอนตำแหน่งในยุุครัฐบาลคสช.
2.วันที่ 23 ม.ค. 2558 ที่ประชุมสนช. มีมติไม่ถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาด้วยคะแนน ด้วยคะแนน 120:95 งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา 115:100 งดออกเสียง 4 เสียง
3.วันที่ 12 มี.ค. 2558 ที่ประชุมสนช. มีมติไม่ถอดถอนอดีต ส.ว. ทั้ง 38 คน ใน 4 กลุ่มฐานความผิด ในประเด็นการใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กรณีร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.
4.วันที่ 8 พ.ค. 2558 ที่ประชุมสนช. มีมติถอดถอน นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ด้วยคะแนน 182 : 5 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง บัตรเสีย 1 เสียง มติถอดถอนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ด้วยคะแนน 180 : 6 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง และ ถอดถอน นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ด้วยคะแนน 158 : 25 เสีย ง ไม่ลงคะแนน 6 เสียง บัตรเสีย 1 เสียง จากกรณีถูกกล่าวหาทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในโครงการรับจำนำข้าว มีผลให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยในส่วนของ นายมนัส ถือเป็นข้าราชการระดับสูงคนแรกที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง
5.วันที่ 13 พ.ย. 2558 ที่ประชุมสนช. มีมติไม่ถอดถอน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เมื่อสมัยที่ยังดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดตามข้อกล่าวหาว่า ร่ำรวยผิดปกติ จากกรณีสร้างบ้านมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท ที่ จ.อ่างทอง ด้วยมติให้ถอดถอน 109 คะแนน ไม่ถอดถอน 82 คะแนน งดออกเสียง 3 คะแนน และมีบัตรเสีย 1 ใบ จึงส่งผลให้นายสมศักดิ์ ไม่ถูกถอดถอน เนื่องจากคะแนนเสียงถอดถอนมีไม่ถึง 132 คะแนน หรือ 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิก สนช.ทั้งหมด
6.วันที่ 19 ส.ค. 2559 ที่ประชุมสนช. มีมติถอดถอน นายประชา ประสพดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกจากตำแหน่ง กรณีแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการองค์การตลาด(อต.)กระทรวงมหาดไทย ตามคำร้องของปปช. ใน มาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 ประกอบมาตรา 64 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนุญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2552 ด้วยคะแนน 182 ไม่ถอดถอน 7 งดออกเสียง 2
และ 7. เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2559 ที่ประชุม สนช. มติ 159 ต่อ 27 เสียง ไม่ออกเสียง 1 ให้ถอดถอน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามคำร้องของปปช. ตามมาตรา 6 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และตามข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2557 ข้อ 157 จากกรณีใช้สถานะหรือตำแหน่งรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่าย แทรกแซงการปฏิบัติราชการ
หรือ การดำเนินงานในหน้าที่ประจำของคณะกรรมการปลัดกระทรวงกลาโหม ในการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายโอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือนของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งเป็นข้าราชการประจำ และไม่ใช่ข้าราชการของกลาโหม เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น และพรรคการเมือง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งการกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1), (2) และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง ข้อ15 พ.ศ. 2551 มีมูลส่อว่าจงใจในการใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2550 และขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง