- 15 มี.ค. 2560
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
ในที่สุด นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ก็ออกมาประกาศเลื่อนการประมูลขายยางในสต๊อกรอบที่ 3 ที่เหลืออยู่ 1.2 แสนตันออกไปเป็นสิ้นเดือนมีนาคมนี้ โดยอ้างว่าประเทศจีนจีนนำยางในสต๊อกออกมาจำหน่าย ทำให้ราคาในตลาดต่ำลง และคาดว่าราคาจะเริ่มดีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ เพราะเป็นช่วงที่ปริมาณน้ำยางจะออกสู่ตลาดน้อย เป็นช่วงที่ใบยางร่วง(ยางผลัดใบ) หรือที่เรียกกันว่าช่วงปิดกรีด หลังจากที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งให้ กยท.ทบทวนการระบายยางในสต๊อก
ในขณะที่ นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประเทศไทย(สยยท.) มองว่า การเลื่อนประมูลยางในครั้งนี้ มีความไม่ชอบมาพากล เพราะที่ผ่านมาทาง สยยท.ได้คัดค้านการขายยางดังกล่าว แต่ กยท.ยื้อจะขายให้ได้ พอมาครั้งนี้กลับมายกเลิกกะทันหัน ทั้งที่ ก่อนหน้านี้ คือวันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2560 กยท.ได้เปิดให้ผู้สนใจร่วมประมูลลงทะเบียนเข้าเสนอราคาพร้อมวางหลักทรัพย์ 5% รับไอดีและพาสเวิร์ดกันไปแล้ว การเลื่อนประมูลครั้งนี้อาจจะเข้าทางผู้ค้าที่ต้องการให้มีการตั้งราคากลางใหม่ให้ต่ำกว่าราคาเดิม ตนคาดว่าการประมูลรอบต่อไปราคายางจะไม่เกิน 50 บาทต่อกิโลกรัม
ล่าสุดวันนี้ ( 15 มี.ค.) นายศิวะ ศรีชาย ผู้ประสานงานแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง จังหวัดพัทลุง ได้โพสต์ข้อความบนเฟชบุ๊ค วิจารณ์การทำงานของ กยท.รวมถึงระยายยางในสต๊อก โดยระบุว่า การประมูลขายยาง "อัปยศ" ทั้งนี้ ยางในสต็อกตามโครงการของรัฐบาล เป็นความอัปยศอดสูต่อชาวสวนยาง โครงการแทรกแซงราคาเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางของรัฐบาลที่ผ่านมาทั้ง 2 โครงการ ล้วนแล้วแต่ประสพความล้มเหลว ทั้งที่เป็นเจตนาและความตั้งใจดีของทั้ง 2 รัฐบาล แต่ในทางปฏิบัติและวิธีการดำเนินงานล้วนถูกบิดเบือนไปเสียทั้งหมด โดยผู้บริหารโครงการที่ดูแลรับผิดชอบระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ
นายศิวะ ระบุว่า ทั้ง 2 ครั้ง เต็มไปด้วยการฉ้อฉลแสวงหาประโยชน์ จนเป็นเหตุให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลเหล่านั้น ไม่เคยจะถึงมือชาวสวนยางอย่างแท้จริง รวมไปถึงการบริหารจัดการกับยางจำนวนดังกล่าว ก็ยิ่งกลายเป็นปัญหาต่อราคายางในประเทศ มาตลอดเวลา เป็นจุดอ่อนข้ออ้างในการบิดเบือนกลไกตลาดให้ผิดเพี้ยน อ้างเป็นเหตุที่จะฉวยโอกาสทำลายและกดราคายาง อยู่เสมอๆ
ทั้งนี้ มติ ครม. มอบหมายให้ กยท.เป็นผู้พิจารณาในการขายเพื่อระบายยางในสต็อกตามความเหมาะสม " เปรียบเสมือนยื่นดาบให้กับโจร " ด้วยความที่เป็น " ไก่อ่อนเพิ่งจะสอนขัน " ของผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เลยกลายเป็นตัวตลกของเหล่าบรรดาผู้ที่เขี่ยวชาญช่ำชองคร่ำหวอดในวงการค้ายาง กลายเป็น "หมูน้อย" ในท่ามกลางฝูงเสือ สิงห์ กระทิง และแรด ไปโดยปริยาย
นายศิวะ ระบุอีกว่า การประกาศเปิดประมูลขายยางแบบกลับไปกลับมา ชักเข้าชักออก ด้วยความอ่อนเดียงสา สร้างปัญหาต่อราคายางซ้ำเติมให้วิกฤติปัญหาราคายางตกต่ำ ให้ยิ่งย่ำแย่จนเกินที่จะรับได้ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง สร้างความเสียหายต่อรายได้ของชาวสวนยางและเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ก็ไม่ทราบว่าจะมีใครผู้ใดที่จะแสดงความรับผิดชอบ คงจะปล่อยให้เงียบและหายไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามถนัดขององค์กรนี้
เมื่อพวกที่กระสันอยากจะมีตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ แต่ไม่ปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ ที่ดูแลรับผิดชอบ ก็ไม่ทราบว่าจะทนหน้าด้าน กันให้อายชาวบ้านชาวช่องเขาอยู่ทำไม ???
อย่างไรก็ตาม บทบาทที่ถูกสังคมมองว่าไม่ชอบมาพากลของ กยท. มีให้เห็นมาต่อเนื่อง โดยฌแพาะการระบายยางในสต๊อก เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วมหนักในภาคใต้ เหตุการครั้งนั้นทำให้ปริมาณยางหายไปจากตลาดจำนวนไม่น้อย ส่งผลในเวลาต่อมาทำให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ในขณะที่ชาวสวนยางกำลังลุ้นให้ราคายางแตะ 100 บาท/กก. กลับมีข่าว กยท.จะระบายยางในสต๊อก โดยอ้างเป็นช่วงที่ราคาดี
ทันทีที่มีข่าวการระบายยางในสต๊อกของรัฐบาล ทำให้ราคาตกกราวรูด ทั้งบริษัทฯ พ่อค้า คนรับซื้อน้ำยาง หายใจคล่องคอไปตามๆ กัน แต่สำหรับชาวสวนยางแล้ว นี่คือการถูกลงดาบซ้ำสาม หลังจากผ่านมรสุมราคายางตกต่ำ มาเจอน้ำท่วม
จึงไม่แปลกที่ชาวสวนยางจะเกิดความคลางแคลงใจ และตั้งคำถามถึงบทบาท และหน้าที่ของ กยท. ว่าพวกเขาเข้ามาทำงานเพื่อใครกันแน่...
ขอบคุณภาพจากเฟชบุ๊ก ศิวะ ศรีชาย
วิทย์ณเมธา เกตุแก้ว สำนักข่าวทีนิวส์