- 27 ส.ค. 2560
ตืดตามรายละเอียด FB : Deeps News
เราคงเคยได้ยินหลายคนพูดเกี่ยวกับยางรถยนต์ว่า “ยางดอกหมดแล้วมันไม่เกาะถนนหรอก” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแทบจะไม่เป็นถูกต้องเอาเสียเลย ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? วัตถุประสงค์หลักจริง ๆ ของดอกยางนั้นมีไว้เพื่อรีดน้ำ ไม่ได้มีไว้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนแต่อย่างใด และหากมีดอกยางยิ่งละเอียดยิ่งมากเท่าไรก็จะกลายเป็นว่า “ลดประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนให้น้อยลงไปอีก” ???
ยางที่ยึดเกาะถนนได้ดีที่สุด คือ ยางที่มีดอกยางน้อยที่สุด หรือไม่มีดอกยางเลย (งงมั้ยล่ะ) ทั้งนี้ก็เพราะว่ามันมีหน้าสัมผัสกับพื้นถนนได้เต็มที่นั่นเอง โปรดสังเกตว่าพวกรถแข่งในสนามทางเรียบยางที่ใช้แทบจะไม่มีดอกเลย ยกเว้นเวลาฝนตกที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่
แล้วทำไมจึงต้องสร้างดอกยางเพิ่มขึ้นมาให้มันเกาะถนนน้อยลง สาเหตุก็เพราะว่าไอ้เจ้ายางที่ไม่มีดอกยาง มันจะเกาะถนนเหนียวหนึบเป็นตุ๊กแกได้เฉพาะเวลาถนนแห้งเท่านั้น แต่เมื่อไรที่ฝนตกมีน้ำถนนลื่นขึ้นมาเจ้ายางไร้ดอกก็จะสร้างปัญหาขึ้นมาทันที รถเราจะลื่นไถลไปมาควบคุมทิศทางไม่ได้เพราะมันไม่สัมผัสติดกับพื้นถนน วิ่งเหิรน้ำอยู่เกือบตลอดเวลา
ตรงนี้เองดอกยางจึงเข้ามามีบทบาทเป็นพระเอก มันมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำให้กระจายออกไปหน้ายาง ทำให้หน้ายางสามารถผ่านผิวน้ำลงไปสัมผัสพื้นถนนได้ควบคุมทิศทางได้นั่นเอง ในเวลาถนนแห้งอาจจะลดประสิทธิภาพในการเกาะถนนไปบ้างเพราะพื้นที่สัมผัสลดลง แต่ฝนตกถนนลื่นก็ยังควบคุมรถได้ ซึ่งมันก็เป็นไปตามกฏของธรรมชาติ “ที่ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ ได้อย่างต้องเสียอย่าง” นั่นเอง
ฉะนั้นหากยางของเราดอกยางสึกหรอไป ประสิทธิภาพในการเกาะถนนก็มิได้ลดน้อยตามไปด้วย แต่สิ่งที่อันตรายกว่า คือ ประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง เวลาเจอน้ำเจอฝนเราก็จะไม่สามารถควบคุมทิศทางได้
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนยางใหม่เมื่อดอกยางสึก เพราะในชีวิตจริงเราไม่สามารถเลือกวิ่งได้แต่ถนนแห้งอย่างเดียว โอกาสเจอน้ำเจอถนนเปียกมีได้ตลอดเวลา ลองคิดดูว่าขับรถไปเจอน้ำแล้วเลี้ยวไม่ไป เบรกไม่อยู่ ลื่นไปลื่นมา มันจะสยองขนาดไหน ???