- 13 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากการที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ผ่าน thai voice เผยแพร่ทางยูทูปช่องของนายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนผู้ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา ถึงทิศทางของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องของคนที่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้น สำหรับตัวนายวัฒนา ก็เป็นชื่อหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยนายวัฒนาก็ได้แยกเรื่องคนที่จะขึ้นมาหัวหน้าพรรค กับ คนที่จะเป็นนายรัฐมนตรี ออกจากกัน
นายวัฒนากล่าวว่า จะให้คนนั้นคนนั้นคนนี้เป็นหัวหน้าพรรค บริบทการเมืองต่างจากอดีตแล้ว เป็นช่วงการต่อสู้กับเผด็จการ ถ้าจะเอาคนไม่เคยต่อสู้มาด้วยกันมาเป็นหัวหน้าพรรค พรรคก็แตก พวกตนก็คงไม่ยอม ต้องเอาคนที่ต่อสู้เพื่อประชาชนมา สมาชิกของพรรคถึงจะยอมรับ
จากคำตอบนี้ ทำให้นายจอม ถามถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ถูกจับตามองมากผู้หนึ่งในการขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ถือเป็นคนร่วมต่อสู้กับพรรคด้วยหรือไม่ นายวัฒนานิ่งไปสักครู่ ก่อนตอบว่า ยังไม่ยุติ และต้องแยกจากกันระหว่างคนที่จะถูกเสนอเป็นหัวหน้าพรรค กับผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ คนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรค ต้องได้รับการยอมรับจากสมาชิกพรรค ส่วนคนที่จะถูกเสนอชื่อขึ้นเป็นนายกฯจำนวน 3 คนนั้น จะต้องเป็นคนที่ประชาชนยอมรับ
"คนที่ไม่เคยต่อสู้ร่วมกับพรรคเลย แต่ประชาชนให้การยอมรับ ก็มีสิทธิที่พรรคจะต้องเสนอชื่อเป็นนายกฯ เช่นกันหากสู้กับพรรคมา แต่ประชาชนไม่ยอมรับ ก็เสนอชื่อเป็นนายกฯไม่ได้ เสนอไปพรรคแพ้เลือกตั้งเลย ซึ่งจะต้องทำโพลแน่นอน"
อาจจะตีความได้ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ อาจจะได้เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่คนในพรรคกลับไม่ยอมรับ ซึ่งนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะต้องติดตาม
แต่เรื่องของคุณหญิงสุดารัตน์ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ดูท่าจะไม่หมู เพราะก่อนหน้านี้ ได้มีกระแสข่าวถึงความบาดหมางระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์ กับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คีย์แมนสำคัญในพรรคเพื่อไทย
หลังจากมีการประชุมกลุ่มย่อย เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 61ที่ผ่านมา คณะอดีตส.ส.7-8คน อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตส.ส.น่าน เป็นต้น กำลังล้อมวงสังสรรค์คุยถึงสถานการณ์การเมืองอย่างออกรส แต่จู่ๆคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เดินเข้ามาในวงพร้อมกับชี้ไปทางร.ต.อ.เฉลิม พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ‘ได้ข่าว ยังด่าชั้น อยู่ทุกวัน’
ทำให้ร.ต.อ.เฉลิม สวนกลับไปทันที ‘ทีชม ไม่เห็นเอาไปพูดบ้าง’ ก่อนที่จะมีการปะทะคารมอีกเล็กน้อย ก่อนที่คุณหญิงสุดารัตน์ เดินออกไปด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก ท่ามกลางอาการตกตะลึงของอดีตส.ส.ของพรรค ที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานถึงกับนิ่งเงียบไปชั่ว.
และกับเหตุการณ์ล่าสุดนายพชร นริพทะพันธุ์ สมาชิกกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทย และบุตรชายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขอคัดค้านการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาของพรรคเพื่อไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ โดยยืนยันว่าพรรคไม่ได้ติดหล่ม หรือก่อปัญหา พร้อมเรียกร้องบุคลากรกล้าแสดงความเห็นตรงไปตรงมา ยอมรับความคิดต่างของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ประชาชนไม่เสื่อมศรัทธา
นายพชร ระบุว่า ในฐานะคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับการถกเถียงอย่างเปิดเผยระหว่างบุคลากรภายในพรรค เพราะพรรคเป็นองค์กรสาธารณะ ประชาชนจะได้รับรู้ และ คสช.คงไม่สามารถห้ามสมาชิกคิด หรืออภิปรายในประเด็นต่างๆได้
สำหรับตนเองไม่เห็นด้วยกับคำให้สัมภาษณ์ของคุณหญิงสุดารัตน์ ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าพรรคเพื่อไทยติดหล่ม และเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาวิกฤติปัจจุบัน โดยเห็นว่าพรรคเพื่อไทยถูกวางตะปูเรือใบหรือถูกปล้นมากกว่า เช่นเดียวกันพรรคก็ไม่ได้มีปัญหา หรือเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เพราะเราถูกขโมยขึ้นบ้าน และถูกเอาเปรียบหลายครั้ง เชื่อว่าบุคลากรภายในพรรคสามารถแก้ไข หรือเปลี่ยนยางที่ชำรุดได้ แต่ต้องใช้แรง กำลัง และฝีมือ โดยเฉพาะบุคลากรต้องรับฟังความเป็นซึ่งกัน และกัน
“พรรคเพื่อไทยคือพรรคของประชาชน ตัวบุคคลไม่สำคัญ แต่บุคคลที่จะมาทำงานให้พรรคนั้นสำคัญ เราต้องฟังเสียงคนของเรา คนของประชาชน หากเราปิดหูปิดตาทำของเราเองแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไร ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยนความต้องการก็เปลี่ยนเรื่อยๆ” นายพชร กล่าว
นายพชร ยังระบุว่า ขณะนี้การสร้างคนรุ่นใหม่ในพรรคยังไม่ราบรื่นเท่าที่ควร เพราะบางครั้งก็หลงลืมว่ามีบุคลากรกลุ่มนี้อยู่ นอกจากนี้หากต้องการสนับสนุนคนรุ่นใหม่จริง ต้องพร้อมถกเถียง อภิปราย หรืออดทนกับสิ่งที่ไม่เห็นด้วย จึงขอถามว่าคนรุ่นใหม่ในพรรคถูกปิดกั้นหรือไม่ ใครปิดกั้น และเพราะเหตุใด?
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้บุคลากรทางการเมืองกล้าแสดงความคิดเห็น เพราะการต่อสู้ของนักการเมืองจะเป็นผลดีต่อประชาชน ปัญหาคือบางคนเลือกที่จะหลงสถานะตัวเอง อ้างเหตุผลด้านศาสนา ความดี เพื่อเอาประโยชน์เข้าตัวเอง จนทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ทั้งที่ธรรมชาติของนักการเมืองต้องต่อสู้ การเมืองย่อมเป็นการเมือง มีทั้งสวยงาม และด้านมือเป็นปกติ การถกเถียง และต่อสู้ประเด็นต่างๆ เป็นความจำเป็น
“ในฐานะคนรุ่นใหม่ของคนเพื่อไทย ซึ่งอยู่กับองค์กรมาตั้งแต่แรกๆ องค์กรนี้เป็นของประชาชน ไม่ใช่ของใครคนคนใดคนหนึ่ง เสียงของทุกคนสำคัญ และอยากจะบอกประชาชนทุกคนว่าการต่อสู้ของนักการเมืองนั้นดีต่อประชาชน เพราะนั่นคือกระบวนการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้พวกเขา เป็นภูมิคุ้มกันให้สังคม สิ่งอื่นๆล้วนเป็นสิ่งหลอกลวง เพื่อการคงอำนาจของคนๆหนึ่งหรือกลุ่มๆหนึ่งแค่นั้นเอง”
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูว่า สำหรับคุณหญิงสุดารัตน์ต่อจากนี้การออกมาขว้างของนายพชร ซึ่งเท่ากับนายพิชัย เป็นคนพูด ก็แน่อนว่า สภาพการณ์คุณหญิงสุดารัตน์ก็น่าเป็นห่วง