- 18 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
หลัง ประชาชนแจ้งข้อมูล 9เดือน3,664 เรื่อง ผ่าน “ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ของคสช."สายด่วน1299" เผย "บิ๊กเจี๊ยบ"สั่งลุยส่ง 594 เรื่องร้องเรียน จนท.รัฐประพฤติมิชอบ เข้า "คตร.-ศตช."ตรวจสอบ ฟันแล้ว 157 เรื่อง ...ทั้ง เอื้อประโยชน์การเสนอราคาสร้างถนน, รายงานข้อมูลเท็จในการเบิกเงินช่วยเกษตรกร, จัดซื้อ"ถุงยังชีพ"ช่วยเหลือน้ำท่วมไม่ตรงตามความเป็นจริง, เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการไม้แปรรูป, เบิกเงินค่าจ้างแรงงาน แต่กลับใช้เครื่องจักรทำแทน, ทุจริตจัดซื้อจัดหารถยนต์และรถดับเพลิง, ใช้ตำแหน่งฉ้อโกงเงิน, ฮั้วประมูลการสร้างถนน, ช่วยปกปิดการกระทำผิดในคดีต่างๆ
พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้จัดตั้ง "ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ"
เพื่อเป็นช่องทางในการรับแจ้งข้อมูลข่าวสารและความเดือดร้อนของประชาชนที่เกี่ยวกับการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ มาตั้งแต่กรกฎาคม 2560นั้น
ปัจจุบันยังคงเปิดให้บริการประชาชนต่อเนื่องผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือ สายด่วน 1299 , ตู้ ปณ.444 และแจ้งด้วยตนเองผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ณ หน่วยทหาร
โดยที่ผ่านมาการทำงานของศูนย์ฯ จะเป็น
ไปใน 3 ลักษณะ คือ การรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนแล้วนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานกลั่นกรองฯ
การส่งเรื่องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ตรวจสอบตามกระบวนการ
รวมทั้งการส่งข้อมูลให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)
กองกำลังชายแดนและกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ช่วยตรวจสอบและติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินการให้มีความชัดเจนและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ล่าสุด พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบทบ.และ
เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กกล.รส.) เข้าสนับสนุนการทำงานของ "คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ"ประจำพื้นที่ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรื่องที่ได้รับการร้องเรียน
รวมทั้ง กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ยังจะเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับงานด้านความมั่นคง เช่น ผู้มีอิทธิพล อาวุธสงคราม ยาเสพติด บ่อนการพนัน เป็นต้น ก่อนส่งผลการปฏิบัติโดยรวมให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติดำเนินการต่อไป
ตลอดระยะเวลา 9 เดือนตั้งแต่ 14 กรกฎาคม 2560 – 12มีนาคม 2561
มีประชาชนร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ จำนวน 3,664 เรื่อง
แยกเป็น เรื่องความเดือดร้อนทั่วไป 1,758 เรื่อง , การทุจริตประพฤติมิชอบ 594
เรื่อง , ยาเสพติด 442 เรื่อง
และเป็นเรื่องที่มีข้อมูลไม่ชัดเจน 856 เรื่อง
โดยประชาชนได้ใช้บริการแจ้งผ่านสายด่วน 1,083 เรื่อง , ตู้ ปณ. 444 รวม 1,919 เรื่อง , แจ้งด้วยตนเองในส่วนกลาง 244 เรื่อง และแจ้งผ่านศูนย์รับเรื่องในภูมิภาค/หน่วยทหารทั่วประเทศอีก 418 เรื่อง
ซึ่งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ โดยคณะทำงานกลั่นกรองได้นำข้อมูลทุกเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณากลั่นกรองเป็นวงรอบทุกสัปดาห์ ควบคู่ไปกับการส่งต่อเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการต่อไป
สำหรับเรื่องร้องเรียนที่ได้รับมาจำนวน 3,664 เรื่อง ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาได้ถูกดำเนินการดังนี้
1. ส่งเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติกรรมเข้าข่ายประพฤติมิชอบให้
ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศตช.) ดำเนินการตามกรรมวิธี จำนวน 594 เรื่อง
ในจำนวนนี้มีผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว จำนวน 157 เรื่อง พร้อมกับได้นำเรื่องเข้าสู่การดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามความผิดในกรณีต่างๆ เช่น กรณีละเลยให้มีการปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำน้ำสาธารณะและปัญหามลพิษ, กรณีเอื้อประโยชน์การเสนอราคาสร้างถนน, กรณีรายงานข้อมูลเท็จในการเบิกเงินช่วยเกษตรกร, กรณีการจัดซื้อถุงยังชีพช่วยเหลือน้ำท่วมไม่ตรงตามความเป็นจริง, กรณีเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการไม้แปรรูป, กรณีการเบิกเงินค่าจ้างแรงงาน แต่กลับใช้เครื่องจักรทำแทน, กรณีทุจริตจัดซื้อจัดหารถยนต์และรถดับเพลิง, กรณีใช้ตำแหน่งฉ้อโกงเงิน, กรณีฮั้วประมูลการสร้างถนน, กรณีช่วยปกปิดการกระทำผิดในคดีต่างๆ เป็นต้น
2. เรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยไม่เกี่ยวกับการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ได้ส่งเรื่องไปให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 1,758 เรื่อง เพื่อเข้าสู่กระบวนการแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนตามช่องทางที่รัฐบาลมีอยู่
3. เรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและยาเสพติด จำนวน 442 เรื่อง ได้ส่งให้ต้นสังกัดดำเนินการสอบสวน และมีผลการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน79 เรื่อง
4. เรื่องร้องเรียนที่ไม่มีรายละเอียดเพียงพอที่จะสามารถดำเนินการได้ 856 เรื่อง อยู่ระหว่างการติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ร้องเรียน
อย่างไรก็ตาม ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ นับเป็นช่องทางหนึ่งที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น โดยผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ข้อมูลที่ได้รับสามารถนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและการดำเนินคดี
ทางกฎหมาย รวมถึงการลงโทษทางวินัยและทางปกครองได้อย่างต่อเนื่อง